-
3500 BCE
การก่อตั้งอารยธรรมเมโสโปเตเมีย
คนกลุ่มแรกที่สร้างอารยธรรมเมโสโปเตเมียขึ้นคือชาวสุเมเรียน ผู้คิดประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก อารยธรรมที่ชาวสุเมเรียนขึ้นเป็นพื้นฐานสำคัญของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย สถาปัตยกรรม ตัวอักษร ศิลปกรรมอื่นๆ ตลอดจนทัศนคติต่อชีวิตและเทพเจ้าของชาวสุเมเรียน ได้ดำรงอยู่และมีอิทธิพลอยู่ในลุ่มแม่น้ำทั้งสองตลอดช่วงสมัยโบราณ -
3500 BCE
การเกิดขึ้นของนครรัฐสุเมเรียน
การเกิดขึ้นของนครรัฐสุเมเรียน ถือเป็นการเริ่มต้นของอารยธรรมในแถบเมโสโปเตเมีย (ปัจจุบันคืออิรัก) ซึ่งเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก สุเมเรียนประกอบด้วยกลุ่มนครรัฐที่มีความเป็นอิสระ เช่น อูรุก (Uruk), อูร์ (Ur), ลากาช (Lagash) และคิช (Kish) ซึ่งแต่ละนครรัฐมีพระราชาหรือขุนนางเป็นผู้นำปกครองและมีศูนย์กลางการเมือง ศาสนา และเศรษฐกิจที่สำคัญ -
Period: 3500 BCE to 3000 BCE
ยุคหินใหม่
3500 ปีก่อนคริสต์ศักราช (ประมาณ 5500 ปีที่ผ่านมา) อยู่ในช่วงยุคหินใหม่ (Neolithic Era) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในประวัติศาสตร์มนุษย์ โดยเฉพาะในภูมิภาคเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการพัฒนาการเกษตร, การตั้งถิ่นฐานถาวร, และการเกิดอารยธรรมเมือง ยุคหินใหม่ (Neolithic Era) สิ้นสุดลงประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยเฉพาะในบางภูมิภาค เมื่อเข้าสู่ยุคสำริด (Bronze Age) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์เริ่มใช้โลหะในการทำเครื่องมือและอาวุธ -
Period: 3500 BCE to 3000 BCE
การก่อตั้งอารยธรรมเมโสโปเตเมีย
การก่อตั้งอารยธรรมเมโสโปเตเมียเกิดขึ้น ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำไทกรีสและยูเฟรติส (ปัจจุบันคืออิรัก) เมโสโปเตเมียถือเป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมแรกของโลก อารยธรรมที่สำคัญในพื้นที่นี้ประกอบด้วยสุเมเรียน, อัคคาเดียน, บาบิโลเนียน, และอัสซีเรียน แต่ละอารยธรรมได้พัฒนาเทคโนโลยี, การปกครอง, และศิลปะ เช่น การเขียนคูนิฟอร์ม, การสร้างซิกกูแรต, และระบบกฎหมาย ทำให้อารยธรรมเมโสโปเตเมียมีอิทธิพลต่อการพัฒนาอารยธรรมในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก หรือ : https://youtu.be/06nB8IMCa1I?si=8GkficRfbxyKcv0O -
Period: 3500 BCE to 2000 BCE
นครรัฐสุเมเรียน
สุเมเรียนเป็นอารยธรรมแรกในเมโสโปเตเมียที่พัฒนาเมืองรัฐอิสระ เช่น อูรุก และอูร์ มีความสำคัญในด้านเกษตรกรรม การค้าขาย และการประดิษฐ์ตัวอักษรคูนิฟอร์ม หลังจากยุครุ่งเรือง นครรัฐสุเมเรียนเสื่อมอำนาจลงและถูกรวมเข้ากับจักรวรรดิอัคคัดและจักรวรรดิอื่น ๆ ในภูมิภาค -
3400 BCE
การประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก
การเขียนคูนิฟอร์ม (Cuneiform) เป็นระบบการเขียนที่พัฒนาขึ้นโดยอารยธรรมสุเมเรียนในเมโสโปเตเมีย ใช้แท่งดินเหนียวและเครื่องมือที่เรียกว่า “สไตลัส” ในการเขียน โดยเริ่มจากสัญลักษณ์ภาพ (pictograms) และพัฒนามาเป็นสัญลักษณ์เรขาคณิตที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ระบบนี้ถูกใช้ในการบันทึกข้อมูลทางการค้า, การบริหารจัดการ, กฎหมาย, และวรรณกรรม และมีอิทธิพลต่อการพัฒนาของระบบการเขียนในวัฒนธรรมอื่น ๆ ต่อมา -
Period: 3400 BCE to 3000 BCE
การประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก
การประดิษฐ์ตัวอักษรครั้งแรกในโลกเกิดขึ้นในอารยธรรมสุเมเรียนของเมโสโปเตเมีย ประมาณ 3400-3000 ปีก่อนคริสต์กาล โดยใช้ระบบการเขียนที่เรียกว่า คูนิฟอร์ม -
Period: 3000 BCE to 476
ยุคโบราณ
ยุคโบราณ (Ancient History) หมายถึงช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นการใช้การเขียนและการจัดตั้งอารยธรรมที่สำคัญ จนถึงการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาของหลายอารยธรรมที่สำคัญในประวัติศาสตร์มนุษย์ -
Period: 2686 BCE to 2181 BCE
การสร้างพีระมิดของอียิปต์
การสร้างพีระมิดของอียิปต์เริ่มขึ้นในช่วง อาณาจักรเก่า (ประมาณ 2686-2181 ปีก่อนคริสต์กาล) โดยพีระมิดถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสุสานสำหรับกษัตริย์ (ฟาโรห์) และเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ของฟาโรห์ พีระมิดที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ พีระมิดแห่งกิซ่า ซึ่งสร้างในรัชสมัยของ ฟาโรห์คูฟู (Khufu) ประมาณ 2580-2560 ปีก่อนคริสต์กาล -
2670 BCE
การสร้างพีระมิดแรกของอียิปต์
พีระมิดโจเซอร์ (Djoser's Pyramid) หรือ พีระมิดแห่งซักการา (The Pyramid of Saqqara) นับเป็นพีระมิดแห่งแรกของอียิปต์ ที่ฟาโรห์โจเซอร์ (Djoser หรือ Zoser) แห่งราชวงศ์ที่ 3 เป็นผู้สร้างขึ้น โดยมี อิมโฮเทป (Imhotep) ที่ปรึกษาประจำองค์ฟาโรห์เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ ลักษณะที่สำคัญคือเป็น พีระมิดขั้นบันได (Step Pyramid) ซ้อนกันรวม 6 ชั้น -
2580 BCE
พีระมิดแห่งกีซ่า
พีระมิดแห่งกิซ่า (Giza Pyramids) เป็นกลุ่มพีระมิดที่สร้าง เพื่อเป็นสุสานของฟาโรห์ในอียิปต์ ประกอบด้วยสามพีระมิดหลัก ได้แก่: 1. พีระมิดของคูฟู (Khufu): มหาพีระมิด เป็นพีระมิดที่ใหญ่และสูงที่สุด 2. พีระมิดของคาเฟร (Khafre): พีระมิดขนาดกลาง สร้างโดยพระโอรสของคูฟู 3. พีระมิดของเมนคูเร (Menkaure): พีระมิดที่เล็กที่สุด นอกจากนี้ ยังมี สฟิงซ์แห่งกิซ่า รูปปั้นสิงโตที่ตั้งอยู่ใกล้พีระมิดของคาเฟร -
2500 BCE
การก่อตั้งเมืองใหญ่ของอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ
เมือง โมเฮนโจ-ดาโร (Mohenjo-Daro) ของอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุก่อตั้งขึ้นในช่วงประมาณ 2500 ปีก่อนคริสต์ศักราช ข้อมูลที่ได้จากการขุดค้นแสดงให้เห็นว่าเมืองนี้เป็นหนึ่งในศูนย์กลางที่สำคัญของอารยธรรมในสมัยนั้น มีการวางผังเมืองที่เป็นระเบียบและระบบท่อระบายน้ำที่ซับซ้อน -
Period: 2500 BCE to 1900 BCE
การก่อตั้งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ปัจจุบันของปากีสถานและตอนเหนือของอินเดีย -
2070 BCE
การก่อตั้งราชวงศ์แรกของจีน
ราชวงศ์เซี่ย (Xia Dynasty) ซึ่งถือเป็นราชวงศ์แรกของจีนก่อตั้งโดยพระเจ้าหวัง (Yu the Great) การก่อตั้งราชวงศ์นี้มีบทบาทสำคัญในการจัดการน้ำและการเกษตรในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำเหลือง ราชวงศ์เซี่ยเป็นระบอบการปกครองที่รวมศูนย์อำนาจภายใต้กษัตริย์ และการพัฒนาเทคโนโลยีและสังคมในช่วงนี้มีความสำคัญ แม้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อพระเจ้าชุน (King Jie) ถูกโค่นล้มโดยราชวงศ์ซาง (Shang Dynasty) แต่ราชวงศ์เซี่ยถือเป็นจุดเริ่มต้นของอารยธรรมจีนโบราณ -
Period: 2070 BCE to 1600 BCE
การก่อตั้งราชวงศ์แรกของจีน
ราชวงศ์แรกของจีนคือ ราชวงศ์เซี่ย (Xia Dynasty) ซึ่งก่อตั้งขึ้นประมาณ 2070 ปีก่อนคริสต์กาล และสิ้นสุดลงประมาณ 1600 ปีก่อนคริสต์กาล ราชวงศ์นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของระบอบกษัตริย์ในประวัติศาสตร์จีน แม้ว่าหลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวกับราชวงศ์นี้จะยังคงเป็นที่ถกเถียง แต่ในตำนานและบันทึกของจีนโบราณถือว่าราชวงศ์เซี่ยเป็นราชวงศ์แรกที่ก่อตั้งอารยธรรมจีน -
585 BCE
การเกิดสุริยุปราคาในสมัยของชาวเมโสโปเตเมีย
ชาวอัสซีเรียในเมโสโปเตเมียพวกเขาเชื่อว่าสุริยุปราคาเป็นลางร้าย โดยเฉพาะเป็นการทำนายว่ากษัตริย์จะถึงแก่ความตาย เพื่อรักษา ชีวิตของกษัตริย์ พวกเขาจึงคิดค้นพิธีกรรมแต่งตั้ง กษัตริย์ตัวปลอมขึ้นมา โดยก่อนที่จะเกิดสุริยุปราคา จะมีการแต่งตั้งใครสักคนให้เป็นกษัตริย์ปลอม โดยกษัตริย์ปลอมจะแต่งตัวเหมือนกษัตริย์จริงทุกประการ ส่วนกษัตริย์ตัวจริงจะหลบซ่อน ตัวไม่ให้ใครพบเห็น และเมื่อสุริยุปราคาผ่านพ้นไปแล้วกษัตริย์ปลอมจะถูกประหารชีวิตเพื่อให้ความเลวร้ายต่าง ๆ ตายไปพร้อมกับกษัตริย์ปลอม -
Period: 585 BCE to
สุริยุปราคา
สุริยุปราคาเกิดขึ้นเป็นประจำ ทุก ๆ ปีจะมีสุริยุปราคาอย่างน้อย 2 ครั้งและมากที่สุดถึง 5 ครั้งในบางปี แต่การเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงในตำแหน่งเดิมอาจใช้เวลานานหลายร้อยปี เนื่องจากดวงจันทร์เคลื่อนที่ในวงโคจรที่ซับซ้อน สุริยุปราคา ยังคงเกิดขึ้นในปัจจุบันและจะเกิดขึ้นต่อไปตราบใดที่ดวงจันทร์ยังคงโคจรรอบโลกและเรียงตัวกับดวงอาทิตย์ในแนวเดียวกัน -
539 BCE
การล้มล้างจักรวรรดิบาบิโลนโดยจักรวรรดิเปอร์เซียของไซรัสมหาราช
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ช่อง YouTube : Abdulthaitube - อับดุลย์
เอ๊ย ถามไรตอบได้! หรือ Qr-code -
509 BCE
กรุงโรมเปลี่ยนระบอบเป็นสาธารณะรัฐ
กรุงโรมเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นสาธารณะรัฐในปี 509 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) หลังจากการล่มสลายของระบอบกษัตริย์ โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อประชาชนโรมันขับไล่กษัตริย์ลูซิอุส ทาร์เควinius ซูเปอร์บัส และก่อตั้งระบบสาธารณะรัฐที่มีการแบ่งอำนาจระหว่างสองเจ้าหน้าที่หลัก คือ “คอนซูล” และ “เซเนท” เพื่อป้องกันการรวมอำนาจอยู่ที่บุคคลเดียว -
Period: 509 BCE to 27 BCE
สาธารณรัฐโรมัน
กรุงโรมเปลี่ยนระบอบเป็นสาธารณรัฐ เกิดขึ้นในปี 509 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อชาวโรมันล้มล้างระบอบกษัตริย์และสถาปนา สาธารณรัฐโรมัน (Roman Republic) ขึ้น โดยมีการปกครองแบบสภาและเลือกตั้งผู้นำ แทนที่ระบอบกษัตริย์
สาธารณรัฐโรมันดำรงอยู่จนถึงปี 27 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อ ออกตาเวียน (Octavian) ได้รับการแต่งตั้งเป็น จักรพรรดิออกัสตัส (Augustus) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ จักรวรรดิโรมัน (Roman Empire) และสิ้นสุดระบอบสาธารณรัฐ -
490 BCE
การต่อสู้ที่มาราธอนระหว่างกรีซและเปอร์เซีย
เรื่องราวเริ่มต้นจากปี 490 ปีก่อนคริสตกาลระหว่างสงครามกรีก-เปอร์เซีย ขณะนั้น ชาวเอเธนส์กำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากกองกำลังเปอร์เซียที่นำโดยกษัตริย์ดาไรอัส ตอนนั้น กองทัพเปอร์เซียยกพลขึ้นบก ที่เมือง Marathon บนชายฝั่งตะวันออกของ Attica ประเทศกรีซ แม้ฝั่งเอเธนส์จะมีจำนวนน้อยกว่ามากแต่ก็สามารถคว้าชัยชนะในสมรภูมิมาราธอนมาได้ หลังจากพวกเขาคว้าชัยชนะมาแล้ว นายพลชาวเอเธนส์ก็ได้วางแผน ที่จะส่ง "ผู้ส่งสาร" ไปยังกรุงเอเธนส์ โดยมีระย ทางห่างออกไปประมาณ 26.2 ไมล์ เพื่อไปส่งข่าวแห่งชัยชนะ -
490 BCE
Phedippides
เป็นนักวิ่งและทหารที่ยอดเยี่ยมและเหมาะสมที่สุด การเดินทางจากมาราธอนไปเอเธนส์นั้นไม่ง่ายเลยPhedippides พบกับความท้าทายมากมายระหว่างทางรวมถึงภูมิประเทศที่อันตราย สภาพอากาศที่เลวร้ายและการเผชิญหน้ากับทหารศัตรู หลังจากวิ่งอย่างไม่ลดละหลายชั่วโมงในที่สุด Phedippides ก็มาถึงกรุงเอเธนส์ พร้อมความเหน็ดเหนื่อย พร้อมส่งข้อความแห่งชัยชนะไปยังชาวเอเธนส์ -
Period: 490 BCE to 490 BCE
การต่อสู้ที่มาราธอนระหว่างกรีซและเปอร์เซีย
การต่อสู้ที่มาราธอนระหว่างกรีซและเปอร์เซียเกิดขึ้นใน 490 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยเป็นการต่อสู้ที่กินเวลาเพียงวันเดียว การต่อสู้สิ้นสุดลงภายในวันเดียวกันด้วยชัยชนะของกรีซ https://youtu.be/-1rzAGr3tK4?si=nJfZ0pUfENgvBMNa -
480 BCE
การต่อสู้ที่เทอร์โมพีเล (Thermopylae)
เกิดขึ้นในปี 480 ปีก่อนคริสตกาล พันธมิตรรัฐกรีกตั้งรับการรุกรานของจักรวรรดิเปอร์เซีย ณ ช่องเขาเทอร์มอพิลีในกรีซตอนกลาง กองทัพกรีกเสียเปรียบด้านจำนวนอย่างมหาศาล แต่ก็ยังสามารถยันกองทัพเปอร์เซียได้เป็นเวลาสามวัน ยุทธการดังกล่าวเป็นหนึ่งในการรบจนตัวตายที่โด่งดังที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ -
477 BCE
มหาวิหารพาร์เธน่อน
มหาวิหารพาร์เธน่อนในกรุงเอเธนส์เป็นศาสนสถานที่สำคัญและมีชื่อเสียงของกรีกโบราณ สร้างขึ้นในช่วงปี 447-438 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) เพื่อถวายพระเจ้าหญิงอธีนา ผู้เป็นเทพีของกรุงเอเธนส์ โดยสถาปนิกอิคตินอสและคาลิครีทีส และประติมากรรมโดยฟีเดียส มหาวิหารนี้เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมคลาสสิกของกรีก และแสดงถึงอำนาจและความรุ่งเรืองของกรุงเอเธนส์ในยุคทอง -
Period: 477 BCE to 438 BCE
การก่อสร้างมหาวิหารพาร์เธน่อนในกรุงเอเธนส์
การก่อสร้างมหาวิหารพาร์เธน่อนในกรุงเอเธนส์เริ่มต้นในปี 447 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และเสร็จสิ้นในปี 438 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) มหาวิหารนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายพระเจ้าหญิงอธีนา (Athena) ผู้เป็นเทพีประจำเมืองเอเธนส์ -
431 BCE
การเริ่มต้นสงครามเพโลพอนเนเซียน
สงครามเพโลพอนเนเซียน (Peloponnesian War) เริ่มต้นขึ้นในปี 431 ปีก่อนคริสต์กาล การเริ่มต้นสงครามนี้เกิดจากความตึงเครียดและความขัดแย้งระหว่าง นครรัฐเอเธนส์ และ นครรัฐสปาร์ตา พร้อมกับพันธมิตรของพวกเขา เอเธนส์และสปาร์ตาเป็นคู่แข่งที่มีอำนาจทางการเมืองและทหารในกรีซ การปะทะกันครั้งนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างสองเงื่อนไขของการปกครอง: ประชาธิปไตยของเอเธนส์และการปกครองแบบออคลอคราซี (oligarchy) ของสปาร์ตา สงครามนี้กินเวลายาวนานถึง 27 ปีและมีผลกระทบสำคัญต่อประวัติศาสตร์กรีก รับชมข้อมูลเพิ่มเพิ่มได้ที่ Qr-code -
Period: 431 BCE to 404 BCE
สงครามเพโลพอนเนเซียน
สงครามเพโลพอนเนเซียน (Peloponnesian War) เกิดขึ้นระหว่างปี 431-404 ปีก่อนคริสต์กาล เป็นการต่อสู้ที่ยาวนานระหว่าง นครรัฐเอเธนส์ และ นครรัฐสปาร์ตาพร้อมพันธมิตรของแต่ละฝ่าย การสงครามนี้มีผลกระทบสำคัญต่อการเมืองและประวัติศาสตร์ของกรีซโบราณ -
427 BCE
การเสียชีวิตของเพลโตในกรีซ
การเสียชีวิตของเพลโต นักประวัติศาสตร์ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดถึงสาเหตุการตายของเขา อย่างไรก็ตาม มีบันทึกว่าเขาเสียชีวิตในกรุงเอเธนส์ในวัยประมาณ 80 ปี มีตำนานบางเรื่องที่กล่าวถึงว่าเพลโตเสียชีวิตในงานแต่งงานที่เขาเป็นแขก แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจน -
404 BCE
การสิ้นสุดของสงครามเพโลพอนเนเซียน
การสิ้นสุดของสงครามเพโลพอนนีเซียนเกิดขึ้นในปี 404 ก่อนคริสต์ศักราช เมื่อเอเธนส์พ่ายแพ้ต่อสปาร์ตาอย่างสมบูรณ์ การยอมจำนนของเอเธนส์เกิดขึ้นหลังจากที่กองเรือของพวกเขาถูกทำลาย และเมืองถูกปิดล้อมโดยกองทัพสปาร์ตาในช่วงเวลาสุดท้ายของสงคราม -
356 BCE
การเกิดของอเล็กซานเดอร์มหาราช
อเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) เกิดเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 356 ปีก่อนคริสต์ศักราช ที่เมืองเพลลา (Pella) เมืองหลวงของแคว้นมาซิโดเนีย (Macedonia) ทางตอนเหนือของกรีซ พระองค์เป็นบุตรของกษัตริย์ฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย และพระนางโอลิมเปียส (Olympias) -
Period: 356 BCE to 323 BCE
อเล็กซานเดอร์มหาราช
อเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) เกิดเมื่อ 356 ปีก่อนคริสต์กาล และเสียชีวิตเมื่อ 323 ปีก่อนคริสต์กาล การเสียชีวิตของเขาเกิดขึ้นที่เมืองบาบิโลน (Babylon) ในช่วงอายุ 32 ปี หลังจากการสร้างจักรวรรดิที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่จากกรีซถึงอินเดีย -
323 BCE
การเสียชีวิตของอเล็กซานเดอร์มหาราช
อเล็กซานเดอร์สวรรคตในพระราชวังเนบูคัดเนสซาร์ที่ 2 ที่กรุงบาบิโลนในวันที่ 11 หรือ 12 มิถุนายน 324 ปีก่อนคริสตกาล สาเหตุการสวรรคตไม่เป็นที่แน่ชัด พลูทาร์กระบุว่าอเล็กซานเดอร์เริ่มมีไข้ราว 14 วันก่อนสวรรคตและอาการหนักถึงขั้นตรัสไม่ได้ พระอาการไม่ดีขึ้นจนสวรรคตในที่สุด นักประวัติศาสตร์บางคนอย่างดีโอโอรัส, แอร์เรียน เคยพูดทำนองว่าเจ็บป่วยของอเล็กซานเดอร์อาจเกิดจากการวางยาพิษในไวน์ -
264 BCE
การเริ่มต้นของสงครามปูนิกครั้งแรกระหว่างโรมันและคาร์เธจ
สงครามปูนิกครั้งแรก (First Punic War) ระหว่างโรมันและคาร์เธจเริ่มต้นขึ้นในปี 264 ก่อนคริสต์ศักราช สงครามนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างสาธารณรัฐโรมันกับจักรวรรดิคาร์เธจ ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางทะเลที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแอฟริกา (ในบริเวณประเทศตูนิเซียปัจจุบัน) เหตุผลหลักของสงครามคือการต่อสู้เพื่อควบคุมเกาะซิซิลี ซึ่งมีความสำคัญทั้งทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจ -
Period: 264 BCE to 146 BCE
สงครามปูนิก
สงครามปูนิก (Punic Wars) เป็นชุดสงครามระหว่าง โรมัน และ คาร์เธจ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด 3 ครั้งระหว่างปี 264-146 ปีก่อนคริสต์กาล โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อแย่งชิงอำนาจในแถบเมดิเตอร์เรเนียน -
221 BCE
จักรพรรดิองค์แรกของจีน
จักรพรรดิองค์แรกของจีนคือ จักรพรรดิอิ๋งเจิ้ง (Qin Shi Huang) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์ฉิน (Qin Dynasty) และรวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นอาณาจักรเดียวในปี 221 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) เขาได้ดำเนินการปฏิรูปการปกครองและกฎหมายเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและศูนย์กลางอำนาจของจักรวรรดิ -
Period: 221 BCE to 210 BCE
จักรพรรดิองค์แรกของจีน
จักรพรรดิองค์แรกของจีนคือ จักรพรรดิฉินสื่อหวง (Qin Shi Huang) ซึ่งมีชื่อจริงว่า เจิ้ง (Zheng) และเป็นจักรพรรดิของราชวงศ์ฉิน (Qin Dynasty) ช่วงเวลาที่เขาครองราชย์เริ่มต้นในปี 221 ก่อนคริสต์ศักราช เมื่อเขาสามารถรวมประเทศจีนให้เป็นหนึ่งเดียว หลังจากการสวามิภักดิ์ของรัฐต่างๆ โดยเขาครองราชย์จนถึงปี 210 ก่อนคริสต์ศักราชเมื่อเขาเสียชีวิต -
202 BCE
การสิ้นสุดของสงครามปูนิกครั้งที่สอง
ในสงครามพิวนิกครั้งที่ 2 "ฮันนิบาล (Hannibal)'
แม่ทัพฝ่ายคาร์เธจ ได้เข้ารุกรานอิตาลีและได้รับชัยชนะ ก่อนจะพ่ายแพ้เมื่อ 202 ปีก่อนคริสตกาล และทำให้กรุงโรมได้มีอำนาจในแถบตะวันตกของเมดิเตอเรเนียนและ ดินแดนจำนวนมากในสเปน -
149 BCE
สงครามปูนิกครั้งที่ 3
สงครามปูนิกครั้งที่ 3 (Third Punic War) เป็นการปะทะสุดท้ายระหว่าง โรมัน และ คาร์เธจ: 1. สาเหตุ: โรมันต้องการทำลายคาร์เธจหลังจากสงครามปูนิกครั้งที่ 2 เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นภัย 2. เหตุการณ์หลัก: โรมันปิดล้อมและโจมตีเมืองคาร์เธจอย่างรุนแรง 3. การล่มสลาย: เมืองคาร์เธจถูกทำลายและเผาในปี 146 ปีก่อนคริสต์กาล 4. ผลลัพธ์: การทำลายคาร์เธจทำให้โรมันกลายเป็นอำนาจที่โดดเด่นในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Qr-code หรือ ช่อง YouTube : Epic StoryTelling -
44 BCE
การลอบสังหารของจูเลียส ซีซาร์
การลอบสังหารจูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) เกิดขึ้นเมื่อ 44 ปีก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งเป็นวันที่เรียกกันว่า “Ides of March” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในกรุงโรม ณ อาคารวุฒิสภา (Curia of Pompey) กลุ่มผู้สมคบคิดในการลอบสังหารนำโดยวุฒิสมาชิกที่มีชื่อเสียง เช่น มาร์คัส จูนีอัส บรูตัส (Marcus Junius Brutus) และ กัสสิอัส ลองจินัส (Gaius Cassius Longinus) เหตุผลหลักในการลอบสังหารซีซาร์เกิดจากความกลัวว่าซีซาร์จะใช้อำนาจของตนเองเพื่อล้มล้างสาธารณรัฐโรมันและกลายเป็นกษัตริย์ -
27 BCE
การก่อตั้งจักรวรรดิโรมันโดยออกตาเวียน
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ YouTube : History World หรือ Qr-code -
27 BCE
จักรพรรดิองค์แรกของโรม
จักรพรรดิองค์แรกของจักรวรรดิโรมันคือ จักรพรรดิออกัสตุส (Augustus) หรือกาอิอุส ออกุสตุส ซีซาร์ (Gaius Octavius Caesar) (ลูกบุณธรรมของ จูเลียส ซีซาร์) เขาเริ่มครองราชย์ตั้งแต่ปี 27 ก่อนคริสต์ศักราชและครองราชย์จนถึงปี 14 คริสต์ศักราช การขึ้นครองราชย์ของเขาทำให้จักรวรรดิโรมันเริ่มเข้าสู่ยุคจักรวรรดิและสิ้นสุดยุคสาธารณรัฐโรมัน -
Period: 27 BCE to 476
จักรวรรดิโรมัน
การก่อตั้งจักรวรรดิโรมัน โดย ออกตาเวียน (Octavian) เริ่มต้นในปี 27 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อเขาได้รับตำแหน่ง จักรพรรดิออกัสตัส (Augustus) ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ จักรวรรดิโรมัน (Roman Empire) และสิ้นสุดยุคสาธารณรัฐโรมัน
จักรวรรดิโรมันที่ก่อตั้งโดยออกตาเวียนดำรงอยู่จนถึง 476 คริสตกาล ซึ่งเป็นปีที่จักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลาย -
Period: 27 BCE to 14
จักรพรรดิองค์แรกของโรมัน
จักรพรรดิองค์แรกของจักรวรรดิโรมันคือ จักรพรรดิออกัสตุส (Augustus) ซึ่งมีชื่อจริงว่า กาอิอุส ออกุสตุส ซีซาร์ (Gaius Octavius Caesar) เขาขึ้นครองราชย์ในปี 27 ก่อนคริสต์ศักราช และครองราชย์จนถึงปี 14 คริสต์ศักราช -
Period: 4 BCE to 30
พระเยซู
พระเยซู (Jesus) คือบุคคลสำคัญในศาสนาคริสต์ที่เชื่อกันว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้าหรือพระคริสต์ เขาเกิดประมาณปี 4-6 ก่อนคริสต์ศักราชในเมืองเบธเลเฮม และสิ้นพระชนม์ประมาณปี 30-36 คริสต์ศักราช โดยถูกตรึงบนไม้กางเขนในกรุงเยรูซาเลม การสอนและการกระทำของพระองค์กลายเป็นพื้นฐานสำคัญของศาสนาคริสต์ พระเยซูสอนหลักธรรมเกี่ยวกับความรัก การให้อภัย และความรอดผ่านความเชื่อในพระเจ้า -
1 CE
การเกิดศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์กำเนิดขึ้นมา โดยพระเยซูทรงเป็นศาสดา ตั้งแต่ปีคริสต์ศักราชที่ ๑ แต่ชาวคริสต์เชื่อว่า ศาสนาคริสต์มีมาตั้งแต่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างโลกและมนุษย์ เหตุการณ์ก่อนกำเนิดของพระเยซู จึงเป็นการเตรียมการเสด็จมาของพระองค์ ซึ่งชาวคริสต์เรียกว่า พระผู้ไถ่ (Redeemer) คือ ทรงมาไถ่กู้มนุษย์ให้พ้นจากบาป อันเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ -
Period: 1 CE to
ศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีรากฐานมาจากคำสอนและชีวิตของพระเยซูคริสต์ -
30
การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู
พระเยซูสิ้นพระชนม์ประมาณปีที่ 30-36 คริสต์ศักราช (AD) ตามบันทึกในพระคัมภีร์ไบเบิล พระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขนในกรุงเยรูซาเลม (Jerusalem) โดยถูกกล่าวหาว่ากระทำการที่เป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยของรัฐโรมัน และการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการก่อตัวของศาสนาคริสต์ -
64
กรุงโรมไฟไหม้
เหตุการณ์ไฟไหม้กรุงโรมเกิดขึ้นในปี 64 คริสต์ศักราช (AD) ไฟลุกไหม้เป็นเวลาห้าวัน ทำให้พื้นที่กว้างขวางของเมืองถูกทำลาย โดยจักรพรรดินีเนโร (Nero) ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ขณะที่เขาใช้โอกาสในการสร้างกรุงโรมใหม่และลงโทษคริสเตียนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อเหตุไฟไหม้. -
Period: 64 to 64
กรุงโรมไฟไหม้
ไฟไหม้กรุงโรมเริ่มขึ้นในวันที่ 18 กรกฎาคม ปี 64 คริสต์ศักราช (AD) และสิ้นสุดลงในวันที่ 23 กรกฎาคม ปีเดียวกัน. -
70
การทำลายวิหารที่สองของเยรูซาเล็มโดยชาวโรมัน
การทำลายวิหารที่สองของเยรูซาเล็ม (Second Temple) โดยชาวโรมันเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 70 ระหว่างการล้อมเยรูซาเล็ม (Siege of Jerusalem) ในช่วงสงครามยิว-โรมันครั้งแรก (First Jewish-Roman War) สงครามนี้เกิดจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างชาวยิวในแคว้นยูเดีย (Judea) กับจักรวรรดิโรมัน เนื่องจากชาวยิวไม่พอใจต่อการปกครองของโรมันและการละเมิดศาสนาและวัฒนธรรมของตน -
Period: 70 to 70
การทำลายวิหารที่สองของเยรูซาเล็ม
การทำลายวิหารที่สองของเยรูซาเล็ม (Second Temple) โดยชาวโรมันเกิดขึ้นในช่วงการล้อมเยรูซาเล็ม (Siege of Jerusalem) ซึ่งเริ่มต้นในปี 70 คริสต์ศักราชและสิ้นสุดในปีเดียวกัน การล้อมและการทำลายวิหารเป็นส่วนหนึ่งของการกบฏครั้งใหญ่ที่เรียกว่า “การกบฏของชาวยิว” (Jewish Revolt) หรือ “การกบฏที่สองของชาวยิว” (First Jewish-Roman War) -
79
ภูเขาไฟวีซูเวียสปะทุ
ภูเขาไฟวีซูเวียส (Mount Vesuvius) ปะทุครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ปี 79 คริสต์ศักราช (AD) การปะทุครั้งนี้ทำให้เมืองปอมเปอี (Pompeii), เฮอร์คิวลานีอุม (Herculaneum), และเมืองอื่นๆ ใกล้เคียงถูกฝังอยู่ใต้เถ้าภูเขาไฟและลาวา การปะทุครั้งนี้เป็นหนึ่งในการระเบิดของภูเขาไฟที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก -
313
การออกพระราชกฤษฎีกาแห่งมิลาน (Edict of Milan) อนุญาตให้ศาสนาคริสต์ได้รับการยอมรับในจักรวรรดิโรมัน
พระราชกฤษฎีกานี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับศาสนาคริสต์ในจักรวรรดิโรมัน เพราะทำให้ศาสนาคริสต์เติบโตอย่างรวดเร็วและได้รับความนิยมมากขึ้น และในที่สุด คริสตจักรก็กลายเป็นศาสนาประจำรัฐของจักรวรรดิโรมันภายใต้จักรพรรดิธีโอโดซิอุสที่ 1 (Theodosius I) ในปี ค.ศ. 380 -
Period: 313 to 313
การออกพระราชกฤษฎีกาแห่งมิลาน (Edict of Milan)
เกิดขึ้นในปี 313 คริสต์ศักราช โดยมีการประกาศอย่างเป็นทางการในช่วงปีนั้น พระราชกฤษฎีกานี้ออกโดยจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 (Constantine the Great) และจักรพรรดิหลุเซนิอุส (Licinius) ซึ่งได้ให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาคริสต์และยุติการข่มเหงคริสเตียนในจักรวรรดิโรมัน นับเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่การยอมรับและการกระจายของศาสนาคริสต์ในจักรวรรดิโรมัน -
325
การประชุมสภาสะเลเซีย (Council of Nicaea)
สังคายนาไนเซียครั้งที่หนึ่ง เป็นสภาสังคายนาสากลครั้งแรกในศาสนาคริสต์ โดยจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชทรงเรียกประชุมบรรดามุขนายกทั่วจักรวรรดิโรมันมาประชุมกันที่เมืองไนเซีย เพื่อหาข้อสรุปความเชื่อเกี่ยวกับสถานะของพระบุตร และความสัมพันธ์ระหว่างพระบุตรกับพระบิดา และได้ข้อสรุปว่าแม้พระบิดาและพระบุตรจะต่างบุคคลกัน แต่มีความเป็นพระเจ้าร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว สภาสังคายนาคอนสแตนติโนเปิลครั้งที่หนึ่งได้ยืนยันข้อสรุปนี้อีกครั้งในปี ค.ศ. 381 และแถลงออกมาเป็นหลักข้อเชื่อไนซีน -
476
การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก
การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกประกอบไปด้วยหลายปัจจัยด้วยกัน แต่ปัจจัยสำคัญมาจากการที่โรมันถูกรุกรานจากชนเผ่าอนารยชน ไม่ว่าจะเป็นพวกชนเผ่าเยอรมัน (Germanic Tribes) อย่างเช่น พวกแวนดัล (Vandals) พวกวิสิกอธ (Visigoths) และพวกแฟรงก์ (Franks) รวมถึงชนเผ่าลึกลับจากเอเชียอย่างพวกฮัน (Huns) -
Period: 476 to 1400
ยุคกลาง
ยุคกลาง (Middle Ages) เป็นช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นหลังจากยุคโบราณและก่อนยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาของยุโรปตั้งแต่การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก -
527
การปกครองของจักรพรรดิไบแซนไทน์ จัสติเนียนที่ 1
จักรพรรดิ จัสติเนียนที่ 1 (Justinian I) ครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 527–565 เป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิไบแซนไทน์ การปกครองของจัสติเนียนได้รับการจดจำในประวัติศาสตร์จากหลายด้าน ทั้งการขยายดินแดน การปรับปรุงกฎหมาย และการฟื้นฟูวัฒนธรรมโรมัน จักรพรรดิองค์นี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาจักรวรรดิไบแซนไทน์จนถึงยุคที่รุ่งเรืองที่สุด -
Period: 527 to 565
การปกครองของจักรพรรดิไบแซนไทน์ จัสติเนียนที่ 1
จักรพรรดิ จัสติเนียนที่ 1 (Justinian I) แห่งจักรวรรดิเบซันไทน์ ปกครองระหว่างปี 527-565 และมีการปกครองที่สำคัญและมีผลกระทบอย่างมากต่อประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิไบแซนไทน์ -
622
การอพยพ (ฮิจเราะห์) ของมูฮัมหมัดจากเมกกะไปมาดีนา
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ YouTube : White Channel | สถานี
ความดี 24 ชั่วโมง หรือ Qr-code -
768
การครองราชย์ของชาร์ลมาญ (Charlemagne)
ชาร์ลมาญ (Charlemagne) หรือพระเจ้าชาร์ลมหาราช (ครองราชย์ ค.ศ. 768–814) เป็นผู้ที่ขยายอาณาจักรแฟรงก์ให้ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรปตะวันตก ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทรงอิทธิพลและสามารถขยายอำนาจทางการเมืองและศาสนา ทรงได้รับการสวมมงกุฎเป็น จักรพรรดิแห่งโรมัน โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 3 ในปี ค.ศ. 800 ทำให้จักรวรรดิฟรังค์เป็นจักรวรรดิที่ครอบครองพื้นที่กว้างใหญ่และทรงอิทธิพลในยุโรป -
Period: 768 to 814
ชาร์ลมาญ
ชาร์ลมาญ (Charlemagne) หรือที่รู้จักในชื่อ ชาร์ลส์มหาราช (Charles the Great) ปกครองระหว่างปี 768-814 และเป็นหนึ่งในกษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรปยุคกลาง -
800
การก่อตั้งจักวรรดิฟรังค์
การก่อตั้งจักรวรรดิฟรังค์ เริ่มขึ้นเมื่อ พระเจ้าคลอวิสที่ 1(Clovis I) รวมเผ่าชาวแฟรงก์ให้เป็นหนึ่งเดียวในช่วงปลายศตวรรษที่ 5 และเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากคริสตจักร ต่อมาในยุค ราชวงศ์คาโรแล็งเจียน ชาร์ลมาญ (Charlemagne) ขยายอาณาจักรแฟรงก์จนครอบคลุมยุโรปตะวันตกและได้รับการสวมมงกุฎเป็นจักรพรรดิแห่งโรมันในปี ค.ศ. 800 ถือเป็นการฟื้นฟูจักรวรรดิโรมันในตะวันตก -
Period: 800 to 814
การก่อตั้งจักวรรดิฟรังค์
เริ่มต้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 5 เมื่อชาวฟรังค์เริ่มสร้างอาณาจักรของตนในดินแดนที่ปัจจุบันคือฝรั่งเศสและเยอรมนีตะวันออก โดยมีการรวมตัวกันของอาณาจักรฟรังค์ภายใต้การปกครองของพระมหากษัตริย์ชาร์เลอมาญ (Charlemagne) ในปี 800 คริสต์ศักราช ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิฟรังค์โดยพระสันตะปาปาเลโอที่ 3 จักรวรรดิฟรังค์เริ่มเสื่อมลงหลังจากการตายของชาร์เลอมาญในปี 814 คริสต์ศักราช และได้แบ่งออกเป็นสามอาณาจักรตามพระราชกฤษฎีกาแห่งเวออู (Treaty of Verdun) ในปี 843 คริสต์ศักราช -
1066
การพิชิตอังกฤษโดยวิลเลียมแห่งนอร์มังดี
การพิชิตอังกฤษโดยวิลเลียมแห่งนอร์มังดี หรือที่เรียกว่า การพิชิตอังกฤษในปี ค.ศ. 1066 เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อังกฤษ วิลเลียม ดยุกแห่งนอร์มังดี (William the Conqueror) จากฝรั่งเศส ได้ทำการรุกรานและพิชิตอังกฤษ หลังจากการต่อสู้ในยุทธการเฮสติ้งส์ (Battle of Hastings) ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างทางการเมือง วัฒนธรรม และสังคมของอังกฤษ -
Jun 15, 1215
การลงนามในแม็กนา คาร์ตา (Magna Carta)
การลงนามใน แม็กนา คาร์ตา (Magna Carta) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1215 โดยพระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษถูกขุนนางบังคับให้ลงนาม หลังจากที่พวกเขาไม่พอใจการปกครองที่กดขี่และการเก็บภาษีที่ไม่ยุติธรรม แม็กนา คาร์ตาเป็นเอกสารที่จำกัดอำนาจของกษัตริย์และวางหลักการที่สำคัญ เช่น การเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน การปกครองตามกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม แม็กนา คาร์ตาถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมในอังกฤษ และมีอิทธิพลต่อกฎหมายสมัยใหม่ทั่วโลก -
1271
การเดินทางของมาร์โค โปโล
การเดินทางของมาร์โค โปโล เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1271 เมื่อมาร์โค โปโลและครอบครัวเดินทางจากเวนิสผ่านเส้นทางสายไหมไปยังจีน เขาเข้าเฝ้ากุบไลข่าน จักรพรรดิแห่งราชวงศ์หยวน และได้รับตำแหน่งในราชสำนัก มาร์โคใช้เวลาอยู่ในจีนประมาณ 17 ปี ก่อนที่จะกลับมาที่เวนิสในปี ค.ศ. 1295 เรื่องราวการเดินทางของเขาได้รับการบันทึกในหนังสือ “The Travels of Marco Polo” ซึ่งเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับเอเชียตะวันออกและกระตุ้นความสนใจในการสำรวจและการค้าขายของยุโรป -
Period: 1271 to 1295
การเดินทางของมาร์โค โปโล
มาร์โค โปโล เริ่มต้นการเดินทางครั้งสำคัญของเขาในปี 1271 และเดินทางกลับมาถึงเวนิสในปี 1295 รวมระยะเวลาการเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 24 ปี -
1299
การก่อตั้งจักรวรรดิออตโตมัน
จักรวรรดิออตโตมันก่อตั้งขึ้นในปลายศตวรรษที่ 13 โดย โอสมันที่ 1 ซึ่งเป็นผู้นำเผ่าโอตโตมันในภูมิภาคอนาโตเลีย (Anatolia) รัฐเล็ก ๆ นี้เริ่มขยายอำนาจอย่างรวดเร็ว โดยการพิชิตเมืองบูร์ซา (Bursa) ในปี ค.ศ. 1326 และต่อมาความสำเร็จสูงสุดเกิดขึ้นเมื่อ สุลต่านเมห์เม็ดที่ 2 พิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) ในปี ค.ศ. 1453 ซึ่งกลายเป็นเมืองหลวงใหม่ของจักรวรรดิที่ชื่อว่า อิสตันบูล (Istanbul) การก่อตั้งนี้ทำให้จักรวรรดิออตโตมันกลายเป็นมหาอำนาจที่ครอบคลุมตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก และแอฟริกาเหนือ -
Period: 1299 to
การก่อตั้งจักรวรรดิออตโตมัน (Ottoman Empire)
เริ่มต้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 โดยการก่อตั้งอาณาจักรนี้เริ่มต้นด้วยการรวมกลุ่มของชนเผ่าตุรกีภายใต้การนำของอุสมานที่ 1 (Osman I) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์ออตโตมัน ช่วงเวลาที่เรียกว่า “การก่อตั้ง” ส่วนใหญ่ถือว่าเริ่มต้นในปี 1299 คริสต์ศักราช จักรวรรดิออตโตมันยั่งยืนและขยายอำนาจตลอดระยะเวลาหลายศตวรรษจนกระทั่งสิ้นสุดลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยการจัดตั้งสาธารณรัฐตุรกีในปี 1923 คริสต์ศักราช ซึ่งเป็นการสิ้นสุดของจักรวรรดิออตโตมันอย่างเป็นทางการ -
1347
การแพร่ระบาดของกาฬโรค (Black Death) ในยุโรป
การแพร่ระบาดของกาฬโรค หรือ Black Death เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1347 ถึง 1351 โดยการแพร่ระบาดนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Yersinia pestis ที่ถูกนำเข้ามาในยุโรปโดยพ่อค้าและทหารจากเอเชียกลาง การแพร่กระจายของโรคเกิดจากหมัดที่อาศัยอยู่ในหนูที่ติดเชื้อและส่งต่อโรคสู่มนุษย์ โรคนี้ทำให้เกิดการเสียชีวิตอย่างรุนแรงในประชากรยุโรป ประมาณหนึ่งในสามของประชากรยุโรปทั้งหมดหรือประมาณ 25-30 ล้านคนเสียชีวิต อาการรวมถึงไข้สูง การบวมของต่อมน้ำเหลืองและการตกเลือดภายใน -
Period: 1347 to 1351
การแพร่ระบาดของกาฬโรค
การแพร่ระบาดของ กาฬโรค (Black Death) หรือ มหาโรคระบาด เกิดขึ้นในช่วง ปี 1347-1351 โดยเป็นโรคระบาดที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งมีผลกระทบสำคัญต่อประชากรยุโรปและเอเชีย -
Period: 1400 to
ยุคแห่งการสำรวจ
ยุคแห่งการสำรวจ (Age of Exploration) หรือ ยุคแห่งการค้นพบ (Age of Discovery) คือช่วงเวลาที่มีการสำรวจและค้นพบดินแดนใหม่ทั่วโลกโดยนักสำรวจชาวยุโรป -
Period: 1400 to
ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) คือช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ที่มีการฟื้นฟูและพัฒนาศิลปะ วรรณกรรม วิทยาศาสตร์ และความคิดทางปรัชญา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะและวรรณกรรมของกรีกและโรมันโบราณ -
1453
กาารล่มสลายของจักรวรรดิไบแซนไทน์
การล่มสลายของจักรวรรดิไบแซนไทน์ โดยทั่วไปแล้ว เชื่อว่าเกิดขึ้นหลังจากที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกยึดโดยสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 แห่งจักรวรรดิออตโตมันใน ค.ศ. 1453 โดยกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นอิสตันบูลมาจนถึงปัจจุบัน และในทางประวัติศาสตร์ยังได้ถือว่าการสิ้นสุดของจักรวรรดิไบแซนไทน์เป็นจุดสิ้นสุดยุคกลางในยุโรปอีกด้วย -
1492
การค้นพบทวีปอเมริกาโดยคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
เริ่มต้นเมื่อปี 1492 โคลัมบัสได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้าเฟอร์ดินานด์และพระนางอิซาเบลล่าแห่งสเปนในการเดินทางเพื่อค้นหาเส้นทางใหม่ไปยังเอเชีย เขานำเรือสามลำ ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 1492 โคลัมบัสได้ลงจอดที่เกาะบาฮามาสซึ่งเขาตั้งชื่อว่า “ซานซัลวาดอร์”เขายังได้สำรวจเกาะอื่น ๆ ในแคริบเบียน รวมถึงฮิสปานิโอลา (ปัจจุบันคือเฮติและสาธารณรัฐโดมินิกัน) โคลัมบัสเชื่อว่าเขาได้มาถึงเอเชีย แต่ในความเป็นจริงเขาได้ค้นพบทวีปอเมริกาซึ่งยังไม่ได้รับการสำรวจโดยชาวยุโรปมาก่อน -
1497
วาสโก ดา กามา เดินทางไปยังอินเดีย
วาสโก ดา กามา เดินทางไปยังอินเดียในปี 1497-1498 โดยเขาเริ่มจากลิสบอนในโปรตุเกส เดินทางผ่านเคปแห่งความหวัง (Cape of Good Hope) และมาถึงเมืองกัลกัตตา (Calicut) บนชายฝั่งตะวันตกของอินเดีย การเดินทางนี้เปิดเส้นทางการค้าโดยตรงระหว่างยุโรปและอินเดีย ซึ่งมีผลกระทบสำคัญต่อการค้าเครื่องเทศและสร้างอิทธิพลของโปรตุเกสในเอเชียใต้ -
Period: 1497 to 1499
วาสโก ดา กามา เดินทางไปยังอินเดีย
วาสโก ดา กามา เดินทางไปยังอินเดียในช่วงระหว่างปี 1497-1499 การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบเส้นทางทะเลตรงจากยุโรปไปยังอินเดีย ส่งผลให้โปรตุเกสกลายเป็นมหาอำนาจทางการค้าในเอเชีย -
Period: 1500 to
ยุคสมัยใหม่ตอนต้น
เป็นช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เช่น การปฏิวัติอังกฤษ และการก่อตั้งสหรัฐอเมริกา -
Period: 1500 to
ยุคปฏิวัติวิทยาศาสตร์
ช่วงที่เกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ โดยมีนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญเช่น ไอแซก นิวตัน -
1517
การเริ่มต้นของการปฏิรูปศาสนาคริสต์โดยมาร์ติน ลูเทอร์
การปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ คือขบวนการที่เริ่มโดย มาร์ติน ลูเทอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1517 เพื่อแก้ไขความเสื่อมโทรมของนิกายโรมันคาทอลิก และสถาบันสันตะปาปา มาเสร็จสิ้นลงด้วยสนธิสัญญาสันติภาพเวสต์ฟาเลีย ค.ศ. 1648ผลจากการปฏิรูปคือการแยกตัวจากนิกายคาทอลิกมาเป็นนิกายโปรเตสแตนต์ -
Period: 1517 to
การปฏิรูปศาสนาคริสต์ โดย มาร์ติน ลูเทอร์
การเริ่มต้นของ การปฏิรูปศาสนาคริสต์ โดย มาร์ติน ลูเทอร์ เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 และต้นศตวรรษที่ 16 การกระทำนี้เป็นการเปิดฉากการปฏิรูปศาสนา ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างและความเชื่อของคริสตจักรในยุโรป -
การพ่ายแพ้ของเรือรบอาร์มาดา (Spanish Armada) โดยอังกฤษ
ในวันที่ 31 กรกฎาคม ทัพเรือทั้งสองปะทะกันเป็นครั้งแรก โดยกองทัพเรืออังกฤษไล่ตีสเปนไปไปตามช่องแคบและสามารถยึดเรือสเปนได้สองลำ ชัยชนะครั้งแรกเป็นของอังกฤษ ต่อมา ทัพเรืออังกฤษ และ กองเรืออาร์มาดาได้ต่อสู้กัน แต่เรืออังกฤษทำการบรรทุกเชื้อเพลิงไว้แล้วเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานจากนั้นจุดเพลิงเผาให้วอดแล้วพุ่งชนกองเรือของสเปน ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นและกองเรือของสเปนเกิดความหวาดกลัว ทำให้กองเรือของสเปนต่างถ่อยร้นทำให้กองเรือสเปนแตกพ่าย และนั้นคือจุดจบของกองเรืออาร์มาดาของสเปน -
สงครามกลางเมืองอังกฤษ
สงครามกลางเมืองอังกฤษ (English Civil War) เป็นความขัดแย้งทางการเมืองและทหารที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1642 และ 1651 ระหว่างฝ่ายกษัตริย์ (Royalists) ซึ่งสนับสนุนพระเจ้า ชาร์ลส์ที่ 1 และฝ่ายพาร์ลิเมนต์ (Parliamentarians) ซึ่งมีผู้นำหลักคือ โอลิเวอร์ ครอมเวลล์
สงครามจบลงด้วยการจับพระเจ้า ชาร์ลส์ที่ 1 และการประหารชีวิตของพระองค์ในปี 1649 และการจัดตั้งสาธารณรัฐอังกฤษภายใต้การนำของโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นการปกครองแบบกษัตริย์อีกครั้งในปี 1660 หลังจากการตายของครอมเวลล์ -
Period: to
สงครามกลางเมืองอังกฤษ
สงครามกลางเมืองอังกฤษ (English Civil War) เป็นสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1642-1651 ซึ่งเป็นการปะทะกันระหว่างฝ่ายที่สนับสนุน กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 1 และฝ่ายที่สนับสนุน รัฐสภาอังกฤษ สงครามนี้มีความสำคัญในประวัติศาสตร์อังกฤษเนื่องจากมันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ และมีผลกระทบต่อการปกครองและสถาบันในอังกฤษ -
การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ในอังกฤษ
การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ (1688-1689) เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้การปกครองอังกฤษเปลี่ยนแปลงอย่างไม่รุนแรง พระเจ้าเจมส์ที่ 2 ถูกแทนที่โดยวิลเลียมแห่งออเรนจ์และเจ้าหญิงแมรี่ ผู้เป็นทายาทของเจมส์ วิลเลียมเข้ายึดครองอังกฤษโดยไม่ต้องสู้รบ และเจมส์หนีไปฝรั่งเศส การเปลี่ยนแปลงนี้ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาและมีการออก “พระราชบัญญัติการปฏิวัติ” (Bill of Rights 1689) ซึ่งจำกัดอำนาจกษัตริย์และส่งเสริมหลักการปกครองแบบรัฐธรรมนูญ การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์วางรากฐานสำหรับการพัฒนาระบบการปกครองในอังกฤษ -
Period: to
ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
ช่วงเวลาที่เกิดการพัฒนาในด้านเทคโนโลยีและการผลิต ทำให้เศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา -
การประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา
การประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1776 เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้อาณานิคมอังกฤษในอเมริกาเหนือประกาศแยกตัวออกจากจักรวรรดิอังกฤษและก่อตั้งเป็นประเทศใหม่ที่เรียกว่า “สหรัฐอเมริกา” -
การเริ่มต้นของการปฏิวัติฝรั่งเศส
การปฏิวัติฝรั่งเศส เริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1789 เมื่อกองกำลังประชาชนร่วมกันล้มล้างระบอบเก่าเพื่อสถาปนาระบอบใหม่ นำไปสู่ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญเป็นระยะเวลาชั่วคราว และแล้วสถาบันกษัตริย์ก็ถูกล้มล้างโดยสมบูรณ์ หรือสามารถรับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ YouTube : Point of View -
การขึ้นสู่อำนาจของนโปเลียน โบนาปาร์ต
การขึ้นสู่อำนาจของนโปเลียน โบนาปาร์ตเริ่มต้นจากความสำเร็จทางทหารในช่วงสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส หลังจากที่เขาได้ชัยชนะในสงครามต่างประเทศและได้รับความนิยม เขาใช้โอกาสนี้รัฐประหารในปี 1799 โค่นล้มรัฐบาลเถลิงอำนาจและจัดตั้งรัฐบาลคอนซูลาร์ (Consulate) ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในสามของคอนซูล ต่อมาในปี 1804 นโปเลียนประกาศตัวเองเป็นจักรพรรดิแห่งฝรั่งเศส และก่อตั้งจักรวรรดิที่หนึ่ง (First French Empire) การขึ้นสู่อำนาจของเขาส่งผลกระทบสำคัญต่อการเมืองและการปกครองในยุโรป -
Period: to
ยุตสมัยใหม่ตอนกลาง
เน้นการปฏิวัติอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และการขยายตัวของอาณานิคม -
สงคราม ระหว่างสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ( 1812 )
สงครามปี 1812 เป็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ เกิดขึ้นระหว่างปี 1812-1815 สาเหตุหลักรวมถึงการบังคับกองเรือทหาร (Impressment) ของอังกฤษ, การสนับสนุนชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันที่ต่อต้านการขยายตัวของสหรัฐฯ, และการปิดล้อมทางเศรษฐกิจ อังกฤษได้โจมตีวอชิงตัน ดี.ซี. และเผาเมืองในปี 1814 การรบที่นิวออร์ลีนส์ในปี 1815 ทำให้สหรัฐฯ ชนะ -
Period: to
สงครามระหว่างสหรัฐและอังกฤษ (ปี1812)
สงครามปี 1812 เป็นความขัดแย้งที่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ และมีบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการป้องกันและการทูตระหว่างประเทศ -
การยกเลิกทาสในจักรวรรดิอังกฤษ
การยกเลิกทาสในจักรวรรดิอังกฤษเริ่มต้นจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเคลื่อนไหว เช่น วิลเบอร์ฟอร์ซและสมาคมต่อต้านการค้าทาส การยกเลิกการค้าทาสเริ่มจากพระราชบัญญัติการค้าทาสปี 1807 ซึ่งห้ามการนำเข้าทาสจากแอฟริกา ต่อมามีพระราชบัญญัติการยกเลิกทาสปี 1833 ซึ่งยกเลิกการเป็นทาสในจักรวรรดิอังกฤษทั้งหมด ทาสทุกคนได้รับการปล่อยตัว และเจ้าของทาสได้รับค่าชดเชย กฎหมายนี้ทำให้จักรวรรดิอังกฤษเป็นหนึ่งในผู้นำในการยกเลิกทาสทั่วโลก -
การปฏิวัติในยุโรป (Revolutions of 1848)
เป็นการปฏิวัติของชนชั้นกระฎุมพีที่ต้องการล้มล้างระบอบกษัตริย์และก่อตั้งรัฐเอกราช การปฏิวัตินี้มีสาเหตุหลักมาจากความไม่พอใจชนชั้นปกครอง ความต้องการมีส่วนร่วมในการปกครองของประชาชน การเรียกร้องเสรีภาพสื่อ กระแสชาตินิยมและเสรีนิยม และข้อเรียกร้องอื่น ๆ จากชนชั้นแรงงาน -
สงครามกลางเมืองอเมริกา
สงครามกลางเมืองอเมริกา (1861-1865) เป็นความขัดแย้งระหว่างรัฐเหนือ (Union) และรัฐใต้ (Confederacy) สาเหตุหลักคือความแตกต่างด้านนโยบายการเป็นทาสและสิทธิโดยรัฐ สงครามเริ่มต้นเมื่อรัฐใต้ยิงใส่ Fort Sumter ในปี 1861 การรบสำคัญรวมถึงที่เก็ตตีสเบิร์กและแอนตีเทัม สงครามจบลงเมื่อรัฐใต้ยอมแพ้ในปี 1865 ซึ่งทำให้สหภาพกลับมารวมเป็นหนึ่ง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 ได้ยกเลิกการเป็นทาสทั่วประเทศ -
Period: to
สงครามกลางเมืองอเมริกา
สงครามกลางเมืองอเมริกา (American Civil War) เกิดขึ้นระหว่างปี 1861-1865: • เริ่มต้นสงคราม: 12 เมษายน 1861 — การโจมตีที่ ฟอร์ตซัมเตอร์ (Fort Sumter) ในรัฐเซาท์แคโรไลนา • สิ้นสุดสงคราม: 9 เมษายน 1865 — การยอมจำนนของ โรเบิร์ต อี. ลี (Robert E. Lee) ต่อ ยูลีซิส เอส. แกรนต์ (Ulysses S. Grant) ที่ Appomattox Court House สงครามนี้เป็นความขัดแย้งระหว่างฝ่ายสหภาพ (Union) และฝ่ายรัฐสมาพันธ์ (Confederacy) และมีผลกระทบสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา -
การก่อตั้งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีรู้จักกันในนาม ออสเตรีย-ฮังการี (อังกฤษ: Austria-Hungary) เป็นรัฐราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเป็นมหาอำนาจในยุโรปกลาง ที่ดำรงอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1867 ถึง ค.ศ. 1918จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีได้รับการสถาปนาขึ้นจากการประนีประนอมระหว่างออสเตรียและฮังการี ใน ค.ศ. 1867 และถูกยุบหลังจากที่จักรวรรดิออสเตรีย–ฮังการีพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง -
การรวมชาติของเยอรมนีภายใต้โอทโต ฟอน บิสมาร์ก
การรวมชาติของจักรวรรดิเยอรมันที่ประสบความสำเร็จเกิดขึ้นภายหลังสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1871 โดยพระเจ้าวิลเฮล์มที่ 1 แห่งปรัสเซียเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ โดยมีออทโท ฟอน บิสมาร์คดำรงตำแหน่งมุขมนตรีแห่งปรัสเซีย นโยบายการรวมชาติของออทโท ฟอน บิสมาร์ค คือ นโยบายเลือดและเหล็ก เลือดหมายถึงการมุ่งทำสงคราม เหล็กภายถึงการมุ่งพัฒนาอุตสหกรรม ในช่วงที่มีอำนาจออทโท ฟอน บิสมาร์คไม่มีนโยบายล่าอาณานิคมในดินแดนทวีปอื่น -
สงครามสเปน-อเมริกัน
เป็นสงครามที่เริ่มต้นขึ้นภายหลังการระเบิดเรือยูเอสเอส เมน ในท่าเรืออาบานา อาณานิคมคิวบา นำไปสู่การแทรกแซงสงครามประกาศอิสรภาพคิวบาของสหรัฐ ซึ่งทำให้สหรัฐเริ่มมีอิทธิพลอย่างโดดเด่นเหนือภูมิภาคแคริบเบียน และได้รับดินแดนจำนวนมาก ได้แก่ ปวยร์โตรีโก กวม และฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ สงครามยังนำไปสู่การมีส่วนร่วมของสหรัฐในการปฏิวัติฟิลิปปินส์และสงครามฟิลิปปินส์–สหรัฐที่เกิดขึ้นภายหลังอีกด้วย -
Period: to
สงครามสเปน-อเมริกัน
สงครามสเปน-อเมริกันเกิดขึ้นระหว่างปี 1898 ถึง 1899 โดยเริ่มต้นจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและสเปน ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักรสเปนในอเมริกาและการเสริมสร้างอำนาจของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้ -
Period: to
ยุคสมัยใหม่ตอนปลาย
ช่วงเวลาของสงครามโลกทั้งสองครั้ง การสร้างรัฐสวัสดิการ การพัฒนาเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมือง -
Period: to
สงครามโลกครั้งที่ 1
เป็นความขัดแย้งกันระหว่างสองขั้วมหาอำนาจพันธมิตร ได้แก่ ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายมหาอำนาจกลาง โดยการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายดำเนินขึ้นในทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา แปซิฟิก และพื้นที่บางส่วนของทวีปเอเชีย เป็นหนึ่งในสงครามที่มีความสูญเสียมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนทหารที่เสียชีวิต 9 ล้านนาย และบาดเจ็บ 23 ล้านนาย รวมทั้งพลเรือนที่เสียชีวิตจากสาเหตุอื่นอีก 5 ล้านคน ในช่วงสงครามมีการกระทำฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ และสงครามยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่สเปน -
การปฏิวัติรัสเซีย
สองเหตุการณ์หลักของการปฏิวัติรัสเซีย 1. การปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์: ล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟ นำไปสู่การก่อตั้งรัฐบาลชั่วคราวภายใต้การนำของอเล็กซานเดอร์ เคเรนสกี้ ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและสงครามได้ 2. การปฏิวัติเดือนตุลาคม: บอลเชวิคภายใต้การนำของเลนินทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลชั่วคราว และก่อตั้งสหภาพโซเวียต นำไปสู่การเริ่มต้นของระบอบคอมมิวนิสต์ในรัสเซีย การปฏิวัติทั้งสองนี้เปลี่ยนโครงสร้างทางการเมืองของรัสเซียและมีผลกระทบต่อประวัติศาสตร์โลกในศตวรรษที่ 20 -
การเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (อังกฤษ: Great Depression) เป็นภาวะช็อกทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก เป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำอย่างเห็นได้ชัดหลังจากราคาหุ้นในสหรัฐอเมริการ่วงลงอย่างมาก โรคระบาดทางการเงินเริ่มขึ้นในราวเดือนกันยายนและนำไปสู่การพังทลายของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันที่ 24 ตุลาคม (พฤหัสทมิฬ) -
Period: to
การเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression)
เกิดขึ้นในปี 1929 โดยเริ่มต้นจากการตกต่ำของตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาในเหตุการณ์ที่เรียกว่า “Black Tuesday” ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 1929 ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลกตลอดช่วงทศวรรษ 1930 -
การขึ้นสู่อำนาจของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในเยอรมนี
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ขึ้นสู่อำนาจในเยอรมนีเมื่อเขาได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 30 มกราคม 1933 การขึ้นสู่อำนาจของฮิตเลอร์เกิดขึ้นหลังจากพรรคนาซี (Nazi Party) ที่เขานำมีการชนะการเลือกตั้งและสร้างความกดดันทางการเมืองจนประธานาธิบดีพอล ฟอน ฮินเดนบูร์ก (Paul von Hindenburg) แต่งตั้งเขาให้เป็นนายกรัฐมนตรี ฮิตเลอร์ใช้ตำแหน่งนี้ในการเสริมสร้างอำนาจและเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองของเยอรมนีให้เป็นระบอบเผด็จการนาซี -
Period: to
การขึ้นสู่อำนาจของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในเยอรมนี
เริ่มต้นในวันที่ 30 มกราคม 1933 เมื่อเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เยอรมนี และสิ้น สุดในวันที่ 8 พฤษภาคม 1945 เมื่อสงครามโลก
ครั้งที่สองสิ้นสุดลงและฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายในวัน ที่ 30 เมษายน 1945 ที่บังเกอร์ของเขาในเบอร์ลิน -
Period: to
สงครามโลกครั้งที่ 2
เป็นสงครามทั่วโลกที่กินเวลาตั้งแต่ ค.ศ. 1939 ถึง 1945 ประเทศส่วนใหญ่ในโลกมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งรัฐมหาอำนาจทั้งหมด แบ่งเป็นพันธมิตรทางทหารคู่สงครามสองฝ่าย คือ ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ เป็นสงครามที่กว้างขวางที่สุดในประวัติศาสตร์ มีทหารกว่า 100 ล้านนายจากกว่า 30 ประเทศเข้าร่วมโดยตรง สงครามนี้มีลักษณะเป็น "สงครามเบ็ดเสร็จ" คือ ประเทศผู้ร่วมสงครามหลักทุ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ทั้งหมดเพื่อความพยายามของสงคราม -
การทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ
การทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมะและนางาซากิ เป็นการโจมตีจักรวรรดิญี่ปุ่นด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา เมื่อปลายสงครามโลกครั้งที่สอง โดยคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แฮร์รี เอส. ทรูแมน หลังจากการโจมตีทิ้งระเบิดเพลิงตามเมืองต่าง ๆ 67 เมืองของญี่ปุ่นอย่างหนักหน่วงเป็นเวลาติดต่อกันถึง 6 เดือน สหรัฐอเมริกาจึงได้ทิ้ง "ระเบิดปรมาณู" หรือที่เรียกในปัจจุบันว่าระเบิดนิวเคลียร์ -
การก่อตั้งสหประชาชาติ (United Nations)
สหประชาชาติก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อป้องกันสงครามในอนาคตและแก้ปัญหาที่สันนิบาตชาติไม่สามารถทำได้สำเร็จ รัฐบาล 50 ประเทศประชุมที่ซานฟรานซิสโกในวันที่ 25 เมษายน 1945 เพื่อร่างกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรได้รับการประกาศใช้ในวันที่ 25 มิถุนายน 1945 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 ตุลาคม 1945 -
Period: to
สหประชาชาติ (United Nations)
เริ่มต้นเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 1945 หลังจากการลงนามในสนธิสัญญาสหประชาชาติ (Charter of the United Nations) โดยประเทศสมาชิกก่อตั้งในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหประชาชาติยังคงดำเนินกิจกรรมอยู่จนถึงปัจจุบัน -
การประกาศอิสรภาพของอินเดีย
การประกาศอิสรภาพของอินเดียเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 1947 หลังจากการต่อสู้เพื่อแยกตัวออกจากการปกครองของอังกฤษ การเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชนำโดยผู้นำเช่น มหาตมะ คานธี และเนห์รู ผ่านการเคลื่อนไหวอย่างสันติและการเจรจาทางการเมือง การประกาศอิสรภาพนำไปสู่การแบ่งแยกประเทศเป็นสองส่วน: อินเดียและปากีสถาน โดยเนห์รูได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย -
สงครามเกาหลี
สงครามเกาหลี เป็นสงครามที่เกิดจากการแยกตัวของเกาหลีออกเป็นสองประเทศ: เกาหลีเหนือ (คอมมิวนิสต์) และเกาหลีใต้ (สนับสนุนโดยสหรัฐฯ) เริ่มต้นเมื่อเกาหลีเหนือรุกรานเกาหลีใต้ในปี 1950 สหรัฐฯ และพันธมิตรสนับสนุนเกาหลีใต้ ขณะที่จีนเข้าร่วมฝ่ายเกาหลีเหนือ สงครามสิ้นสุดด้วยการสงบศึกในปี 1953 โดยไม่มีการลงนามสัญญาสันติภาพ สถานการณ์ยังคงแบ่งแยกระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จนถึงปัจจุบัน -
Period: to
สงครามเกาหลี
• เริ่มต้นสงคราม: 25 มิถุนายน 1950 — การบุกของกองทัพเกาหลีเหนือ (North Korea) ข้ามพรมแดนไปยังเกาหลีใต้ (South Korea) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงคราม
• สิ้นสุดสงคราม: 27 กรกฎาคม 1953 — การลงนามใน ข้อตกลงหยุดยิง (Armistice Agreement) ที่หยุดการต่อสู้และสร้างเส้นแบ่งเขตปลอดทหาร (DMZ) ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ สงครามเกาหลีเป็นความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือที่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตและจีน กับเกาหลีใต้ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรฝ่ายตะวันตก -
การลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี
การลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี เกิดขึ้นเมื่อขณะที่เขากำลังขับรถยนต์เปิดประทุนในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เคนเนดีถูกยิงเสียชีวิตโดยลีย์ ฮาร์วีย์ ออสวาลด์ (Lee Harvey Oswald) ขณะขับรถร่วมกับภรรยาและผู้ว่าการรัฐเท็กซัสในขบวนรถลิมูซีน ออสวาลด์ถูกจับกุมและถูกกล่าวหาว่าฆ่าเคนเนดี แต่ถูกฆ่าตายในระหว่างการคุมขังก่อนที่จะถูกนำตัวขึ้นศาล การลอบสังหารนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อการเมืองและประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา และยังเป็นหัวข้อของการสอบสวนและทฤษฎีสมคบคิดมากมาย -
การก่อตั้งองค์กรเพื่อการสื่อสารทางไกล (Internet)
อินเทอร์เน็ตเริ่มต้นจากโครงการ ARPANET ของ DARPA ในปี 1969 เพื่อเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง ต่อมาในปี 1970s-1980s, การพัฒนาโปรโตคอล TCP/IP โดย วินท์ เซิร์ฟ และ โรเบิร์ต คาอิน ทำให้การเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ เป็นไปได้ ในปี 1990s, การสร้าง World Wide Web โดย ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี ทำให้การเข้าถึงข้อมูลผ่านเว็บเบราว์เซอร์สะดวกขึ้น อินเทอร์เน็ตจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลทั่วโลก -
การลงจอดบนดวงจันทร์ของอพอลโล 11
อะพอลโล 11 เป็นยานอวกาศลำแรกที่ลงจอดบนผิวของดวงจันทร์สำเร็จขององค์การนาซา ยานอะพลอลโล 11 ถูกส่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโดยจรวด แซเทิร์น 5 (Saturn V) ศูนย์อวกาศเคนเนดี (Kennedy Space Center) แหลมคานาเวอรัล รัฐฟลอริดา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 และ 3 วันต่อมา ตรงกับวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 เวลา 20:17 UTC Lunar Module ก็ลงจอดบนดวงจันทร์ได้สำเร็จ ในตำแหน่งที่มีชื่อว่า “ทะเลแห่งความเงียบสงบ (Sea of Tranquility)” ซึ่งเป็นที่ราบที่เกิดจากลาวาไหลท่วมผิวดวงจันทร์เมื่อนานมาแล้ว -
Period: to
วิกฤตหนี้สาธารณะในละตินอเมริกา
วิกฤตหนี้สาธารณะในละตินอเมริกา เกิดขึ้นในช่วงปี 1982-1989: • เริ่มต้น: 1982 — เม็กซิโกประกาศไม่สามารถชำระหนี้ต่างประเทศได้ • สิ้นสุด: ประมาณ 1989 — การเจรจาปรับโครงสร้างหนี้และการสนับสนุนจาก IMF ช่วยบรรเทาปัญหา วิกฤตนี้ทำให้หลายประเทศในละตินอเมริกาต้องปรับนโยบายเศรษฐกิจและเผชิญกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม. -
การล้มล้างกำแพงเบอร์ลิน
เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์โลกซึ่งแสดงถึงการทลายม่านเหล็กและจุดเริ่มต้นการล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกและกลาง การทลายชายแดนเยอรมันภายในเกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน การสิ้นสุดสงครามเย็นได้รับการประกาศที่การประชุมสุดยอดมอลตาในสามสัปดาห์ต่อมา และการรวมเยอรมนีอีกครั้งก็เกิดขึ้นในปีต่อมา -
การล่มสลายของสหภาพโซเวียต
การล่มสลายของสหภาพโซเวียตเกิดขึ้นในปี 1991 หลังจากวิกฤตทางเศรษฐกิจและการเมือง รวมถึงนโยบายการปฏิรูปของไมเคิล กอร์บาชอฟที่ไม่สามารถแก้ปัญหาภายในประเทศได้ ความเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชในประเทศสมาชิกทำให้เกิดแรงกดดันมากขึ้น และในเดือนธันวาคม 1991 สหภาพโซเวียตถูกยุบอย่างเป็นทางการ โดยประเทศสมาชิกต่างๆ ประกาศเอกราชและแยกตัวออกจากสหภาพ -
วิกฤตต้มยำกุ้ง
วิกฤตต้มยำกุ้ง หรือวิกฤตการเงินเอเชีย เกิดขึ้นในปี 1997 เริ่มจากการลอยตัวค่าเงินบาทของประเทศไทยและการล้มละลายของธนาคารและบริษัทในประเทศ ส่งผลให้ค่าเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดลงอย่างรวดเร็ว และแพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น เกาหลีใต้และอินโดนีเซีย วิกฤตนี้นำไปสู่การลดลงของการเติบโตทางเศรษฐกิจและการขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) -
Period: to
ยุคดิจิทัลและข้อมูล
ยุคดิจิทัลและข้อมูล (Digital and Information Age) เริ่มต้นในปลายศตวรรษที่ 20 และดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน โดยเน้นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร -
การโจมตีของผู้ก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกา (เหตุการณ์ 9/11)
เหตุการณ์ 9/11 เกิดเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 เมื่อกลุ่มอัล-ไกดาโจมตีสหรัฐอเมริกาโดยใช้เครื่องบินพาณิชย์ 4 ลำ: สองลำชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์ก, หนึ่งลำชนเพนตากอน, และอีกลำตกในเพนซิลเวเนียหลังจากผู้โดยสารพยายามต่อต้าน เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,900 คน และมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อความมั่นคงและนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา -
การสังหารโอซามา บิน ลาเดน
การสังหารโอซามา บิน ลาเดนเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2011 โดยหน่วย SEAL Team 6 ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ในการปฏิบัติการที่เรียกว่า “Operation Neptune Spear” ที่บ้านของบิน ลาเดนในอับบอตตาบัด, ปากีสถาน การสังหารนี้เป็นความสำเร็จสำคัญในการต่อสู้กับการก่อการร้ายและได้รับการตอบรับจากทั่วโลก -
การลงประชามติ Brexit ในสหราชอาณาจักร
การลงประชามติ Brexit ในสหราชอาณาจักรจัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2016 เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ ผลการลงประชามติแสดงให้เห็นว่า 51.9% ของประชาชนเลือกที่จะออกจากสหภาพยุโรป การตัดสินใจนี้นำไปสู่การเจรจาและการออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2020 -
การเปิดตัวของเทคโนโลยี 5G
การเปิดตัวเทคโนโลยี 5G เริ่มต้นในปี 2019 โดยมีคุณสมบัติหลักคือความเร็วในการส่งข้อมูลที่สูงขึ้น, ความหน่วงต่ำ, และความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมาก การเปิดตัว 5G มีผลกระทบต่อการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Internet of Things (IoT) และการขับขี่อัตโนมัติ -
การระบาดของ COVID-19 ครั้งแรก
การระบาดของ COVID-19 เริ่มต้นในปลายปี 2019 ที่อู่ฮั่น, ประเทศจีน โดยไวรัส SARS-CoV-2 แพร่กระจายไปทั่วโลกในปี 2020 ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อหลายร้อยล้านคนและผู้เสียชีวิตหลายล้านคน การตอบสนองรวมถึงการล็อกดาวน์, การเว้นระยะห่างทางสังคม, และการฉีดวัคซีนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด -
Period: to
การระบาดของ COVID-19
การระบาดของ COVID-19 • ธันวาคม 2019: การระบาดครั้งแรกเริ่มขึ้นในเมือง อู่ฮั่น (Wuhan) ประเทศจีน • 11 มีนาคม 2020: องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ COVID-19 เป็น โรคระบาดทั่วโลก (Pandemic) • 2020-2021: การระบาดแพร่กระจายไปทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม • 2021: เริ่มมีการฉีดวัคซีน COVID-19 อย่างแพร่หลายทั่วโลก • 2022-2024: การระบาดยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าการฉีดวัคซีนและมาตรการควบคุมโรคจะมีผลดีในการลดการแพร่กระจายและความรุนแรงของโรค -
Period: to
เทคโนโลยี 5G
เทคโนโลยี 5G เป็นมาตรฐานการสื่อสารไร้สายรุ่นที่ห้าของเครือข่ายมือถือ ซึ่งมุ่งเน้นที่การเพิ่มความเร็วในการส่งข้อมูล ลดการหน่วงเวลา และเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมากในพื้นที่เดียวกัน เทคโนโลยี 5G เริ่มต้นการเปิดตัวเชิงพาณิชย์ในปี 2019 และยังคงมีการพัฒนาและขยายการใช้งานทั่วโลกในปัจจุบัน -
การบุกยูเครนโดยรัสเซีย
การบุกยูเครนโดยรัสเซียเริ่มเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 รัสเซียโจมตียูเครนจากหลายทิศทาง ส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บ, การพลัดถิ่นของประชาชนหลายล้านคน และผลกระทบทางเศรษฐกิจทั่วโลก รัฐบาลยูเครนได้รับการสนับสนุนจากชาติต่างๆ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือทางทหารและการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย -
Period: to
ยูเครน-รัสเซีย
การบุกยูเครนโดยรัสเซียเริ่มต้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 และยังคงดำเนินอยู่จนถึงปัจจุบัน การโจมตีนี้เป็นการรุกรานที่กว้างขวางและทำให้เกิดความขัดแย้งที่ยืดเยื้อระหว่างรัสเซียและยูเครน -
การพัฒนาและการนำมาใช้ของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
การพัฒนา: AI ได้รับการพัฒนาผ่านการเรียนรู้ของเครื่องและการเรียนรู้เชิงลึก โดยใช้ข้อมูลขนาดใหญ่และอัลกอริธึมในการปรับปรุงความสามารถในการทำงาน
การนำมาใช้: AI ถูกนำมาใช้ในหลายด้าน เช่น การประมวลผลภาษา, การวิเคราะห์ข้อมูล, การแพทย์, การขับขี่อัตโนมัติ, และการบริการลูกค้า
ผลกระทบ: การใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน, เปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินชีวิต และกระทบต่อการทำงานในหลายอุตสาหกรรม
ความท้าทาย: รวมถึงปัญหาความเป็นส่วนตัว, ความปลอดภัย, และการเปลี่ยนแปลงในตลาดงาน