ศิลปะเเต่ละยุคสมัย/การเเต่งกายเเต่ละยุคสมัย

  • 10,000 BCE

    ศิลปะยุคหินใหม่

    ศิลปะยุคหินใหม่
    ศิลปะในยุคหินใหม่สะท้อนถึงการพัฒนาในวิถีชีวิตของมนุษย์ โดยแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในด้านการเกษตร, การจัดการทรัพยากร, และความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่มีคุณค่าทางศิลปะและวัฒนธรรม
  • 3000 BCE

    ศิลปะยุคหิน 10000ปีก่อนคริสตกาล

    ศิลปะยุคหิน 10000ปีก่อนคริสตกาล
    ประกอบด้วยภาพเขียนและการแกะสลักบนผนังถ้ำ เช่น ภาพเขียนถ้ำที่ลาสโกซ์ในฝรั่งเศสและอัลตาฮิย่าในสเปน ซึ่งมักแสดงภาพของสัตว์ป่าและกิจกรรมการล่าสัตว์
  • 2181 BCE

    การเเต่งกายยุคเเรกสมัยโอลด์คิงดอม

    การเเต่งกายยุคเเรกสมัยโอลด์คิงดอม
    ฟาโรห์และชนชั้นสูงมักจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าลินินคุณภาพสูง ซึ่งมักจะเป็นชุดที่ทออย่างประณีตและตกแต่งด้วยเครื่องประดับทองคำและอัญมณี ชุดของฟาโรห์มักมีการตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าหรือเทพเจ้า เช่น พิธีปลงศพต่าง ๆ
  • 370 BCE

    ศิลปะยุคหินกลาง

    ศิลปะยุคหินกลาง
    ศิลปะในยุคหินกลางเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างการใช้ชีวิตแบบเร่ร่อนในยุคหินเก่าไปสู่การตั้งถิ่นฐานถาวรในยุคหินใหม่ โดยสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในการจัดการทรัพยากรและสังคมที่ซับซ้อนมากขึ้น
  • 350 BCE

    ศิลปะกอทิก

    ศิลปะกอทิก
    ศิลปะกอทิกเริ่มต้นจากฝรั่งเศสและแพร่หลายไปยังประเทศอื่น ๆ และมีลักษณะตามภูมิภาคนั้น ๆ ด้วย ลักษณะสำคัญของสถาปัตยกรรมมีผนังเปิดกว้าง มีส่วนสูงเด่นเป็นพิเศษและมีแบบที่ออกมาเป็นลายเส้นอันซับซ้อน ทุกส่วนล้วนประกอบเข้าด้วยกันเป็นสัญลักษณ์นิยม ทางศาสนา โครงสร้างหลังคาเป็นโค้งแหลม
  • 400

    ศิลปะยุคอียิปต์โบราณ

    ศิลปะยุคอียิปต์โบราณ
    การสร้างพีรามิดเเละศิลปะที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าเเละฟาโรห์
  • 413

    ศิลปะยุคเมโสโปเตเมีย

    ศิลปะยุคเมโสโปเตเมีย
    การสร้างสถาปัตยกรรมสำคัญเช่นมหาวิหารซิกกูรัตเเละภาพสลักที่บันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ศิลปะการสลักหินและศิลาจารึกมีความสำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำบันทึกสำคัญเช่นกฎของฮัมมูราบีซึ่งเป็นหนึ่งในกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดที่รู้จัก
  • 455

    ศิลปะไบแซนไทน์

    ศิลปะไบแซนไทน์
    ศิลปะไบแซนไทน์เป็นศิลปะที่มีลักษณะเชื่อมโยงความคิด และรูปแบบระหว่างตะวันตกกับตะวันออกเข้าด้วยกัน มีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล ศิลปะมีลักษณะใหญ่โต ประดับตกแต่งด้วยการใช้พื้นผิว งานสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นที่สุดของไบแซนไทน์ คือการทำหลังคาเป็นรูปกลมต่างจากหลังคาของศิลปะโรมัน ที่ทำเป็นรูปโค้งหลังคากลมแบบไบแซนไทน์ ภายนอกเรียกว่าโดม หลังคากลมช่วยให้สามารถสร้างอาคารได้ใหญ่โตมากขึ้น สิ่งก่อสร้างที่เป็นแบบฉบับของศิลปะดังกล่าว ได้แก่ โบสถ์เซนต์โซเฟีย ในกรุงคอนสแตนติโนเปิล โบสถ์เซนต์มาร์โค
  • 500

    ศิลปะยุคโรมัน

    ศิลปะยุคโรมัน
    ศิลปะโรมัน (พ.ศ. 340 - พ.ศ. 870) แบบอย่างศิลปะโรมันปรากฏลักษณะชัดเจนในช่วงพุทธศตวรรษที่ 4 เรื่อยมาจนกระทั่งประมาณ พ.ศ. 1040 โดยในช่วงเวลาหลังได้เปลี่ยนสาระเรื่องราวใหม่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ สืบต่อมาเป็นเวลาอีกนานมาก จนกระทั่งเมื่อกรุงคอนสะแตนติโนเปิลได้กลายเป็นเมืองหลวงใหม่ของจักรวรรดิโรมัน ในปี พ.ศ. 870 ทำให้สมัยแห่งโรมันต้องสิ้นสุดลง แหล่งอารยธรรมสำคัญของโรมัน คือ อารยธรรมกรีกและอีทรัสกัน
  • 518

    การเเต่งกายสมัยสุ่ยเเละสมัยถัง

    การเเต่งกายสมัยสุ่ยเเละสมัยถัง
    เสื้อผ้าสมัยสุ่ยเเละสมัยถังมีรูปเเบบมีเนื้อผ้าที่ใกล้เคียงกันสูง เสื้อผ้าต้นสมัยสุ่ยข้อนข้างจะเรียบง่ายเสื้อผ้ายังคงมีลักษณะกี่เพ้าหรือเสื้อคลุมยาว
  • 600

    ศิลปะยุคฮิบรู

    ศิลปะยุคฮิบรู
    ศิลปะของชาวฮิบรูถูกจำกัดโดยข้อห้ามทางศาสนาที่ระบุในพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมซึ่งห้ามไม่ให้สร้างภาพลักษณ์หรือรูปปั้นของพระเจ้าและเทพเจ้าดังนั้นศิลปะฮิบรูจึงเน้นไปที่การตกแต่งแบบเรขาคณิตหรือการใช้ลวดลายธรรมชาติแทน
  • 622

    ศิลปะยุคอิสลาม

    ศิลปะยุคอิสลาม
    การพัฒนาศิลปะในรูปเเบบของการออกเเบบที่ไม่ใช่ภาพของมนุษย์เช่นลวดลายเรขาคณิตเเละการตกเเต่สถาปัตยกรรมการพัฒนาศิลปะในรูปเเบบของการออกเเบบที่ไม่ใช่ภาพของมนุษย์เช่นลวดลายเรขาคณิตเเละการตกเเต่งสถาปัตยกรรม
  • 700

    ศิลปะบาบิโลน

    ศิลปะบาบิโลน
    สิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงมาก และเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปคือสวนลอยแห่งบาบิโลน โดยสร้างสวนให้สูงจากพื้นดิน ใช้อิฐซ้อนกันขึ้นไป วางผังลดหลั่นกันและมีความสลับซับซ้อน ตามซุ้มประตูต่าง ๆ ประดับด้วย ภาพสลักขนาดมหึมา ปัจจุบันสวนแห่งนี้ถูกทับถมปรักหักพังไปหมดแล้ว เหลือเฉพาะฐานรากบางส่วนเท่านั้น
  • 753

    การเเต่งกายยุคโรมันโบราณ

    การเเต่งกายยุคโรมันโบราณ
    เป็นเสื้อคลุมยาวคล้ายคิตอนของชาวกรีก สวมใส่โดยทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยผู้ชายจะสวมทูนิกที่ยาวถึงเข่า ส่วนผู้หญิงจะสวมที่ยาวถึงข้อเท้า ทูนิกของชนชั้นสูงมักทำจากผ้าคุณภาพดีและมีสีสันหรือลายที่บ่งบอกสถานะทางสังคม
  • 800

    การเเต่งกายศิลปะยุคกรีกโบราณ

    การเเต่งกายศิลปะยุคกรีกโบราณ
    เป็นเสื้อคลุมยาวที่ผู้ชายและผู้หญิงสวมใส่ มีลักษณะเป็นผ้าสี่เหลี่ยมยาว พับขึ้นจากด้านบนและมัดด้วยเข็มกลัดที่ไหล่ ขอบผ้าด้านล่างจะปล่อยยาวถึงพื้น นิยมใส่ในงานพิธีสำคัญหรือการออกสังคม
  • 800

    ศิลปะยุคกรีกโบราณ

    ศิลปะยุคกรีกโบราณ
    ศิลปะกรีกโบราณ หรือ ศิลปะกรีซโบราณ (750 ปีก่อน ค.ศ. - 300 ปีก่อนค.ศ.) ชาวกรีกมีความเชื่อว่า "มนุษย์เป็นมาตรวัดสรรพสิ่ง" ซึ่งความเชื่อนี้เป็นรากฐาน ทางวัฒนธรรมของชาวกรีก เทพเจ้าของชาวกรีกจะมีรูปร่างอย่างมนุษย์ และไม่มีความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายเหมือนชาวอียิปต์ ดังนั้น จึงไม่มีสุสานหรือพิธี ฝังศพที่ซับซ้อนวิจิตรเหมือนกับชาวอียิปต์
  • 900

    ศิลปะอัสซิเรียน

    ศิลปะอัสซิเรียน
    ศิลปกรรมงานแกะสลักที่มีชื่อเสียง เป็นรูปสิงโตกำลังกัดเด็กหนุ่มพบในพระราชวังเมืองนิมรุดในอัสซิเรีย งานชิ้นนี้ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์บริติซกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ประติมากรรมลอยตัวชิ้นสำคัญที่ติดตั้งตามทางเข้าพระราชวังมีขนาดใหญ่โต เป็นรูปสิงโตมีปีก (Winged Lion) ส่วนงานสถาปัตยกรรมของอัสซิเรียน มีอาคารก่ออิฐเป็นโครงสร้างหลัก เป็นรูปโค้งรับน้ำหนักและใช้อิฐและหินก่อเป็นกำแพง ตกแต่งภายในด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง และกระเบื้องเคลือบเป็นรูปสิงโต
  • 1000

    ศิลปะเปอร์เซีย

    ศิลปะเปอร์เซีย
    อารยธรรมของเปอร์เซียมีชื่อเสียงโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมที่มีการตกแต่งภายในอย่างสวยงาม มีงานประติมากรรมใช้ในการตกแต่งสถาปัตยกรรม ได้แก่ เสาหินวัวคู่ ประดับพระราชวังที่เมืองเปอร์เซโปลิส (Persepolis)
  • 1000

    การเเต่งกายยุคกลางต้น

    การเเต่งกายยุคกลางต้น
    เสื้อผ้าหลักสำหรับผู้ชาย เป็นเสื้อยาวคลุมถึงเข่าหรือยาวกว่า ทำจากขนสัตว์หรือผ้าลินิน โดยมักจะคาดเข็มขัดรัดที่เอวเพื่อความกระชับ บางครั้งมีการสวมเสื้อทับอีกชั้นหนึ่งในฤดูหนาว
  • 1020

    การเเต่งกายสมัยอาณาจักรใหม่

    การเเต่งกายสมัยอาณาจักรใหม่
    ในยุคอาณาจักรใหม่นี้อียิปต์เจริญรุ่งเรืองในทุกด้านทั้งสรรพวิทยาและศิลปะชาวอียิปต์ รู้จักนำเอาผมของมนุษย์และขนสัตว์มาทำผมปลอม หนวดปลอมรู้จักทำเครื่องประดับการแต่งกาย โดยใช้โลหะหินสี ลูกปัด รู้จักทำเครื่องสำอางเช่น น้ำหอม แป้ง น้ำมันชะโลมผม และรู้จักทำรองเท้าจากต้นปาล์ม เป็นต้น ผู้ชายชาวอียิปต์ยังคงแต่งกายเหมือนในสมัยอาณาจักรกลาง ส่วนผู้หญิงนิยมสวมชุดยาวกรอมเท้า แขนสั้นคลุมข้อศอก สำหรับกษัตริย์
  • 1040

    ศิลปะคริสเตียนยุคเเรก

    ศิลปะคริสเตียนยุคเเรก
    ศิลปะคริสเตียนหรือเรียกได้ว่าศิลปะยุคโบราณ ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะโรมัน เป็นศิลปะศักดิ์สิทธิ์ที่มีรูปแบบและภาพมาจากศาสนาคริสต์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นสื่อแสดงความหมาย และแสดงเรื่องราวที่เกี่ยวกับหลักของศาสนาคริสต์ นิกายของศาสนาคริสต์ ซึ่งประติมากรรมที่เก่าแก่ที่สุดคือ งานสลักบนโลงหิน
  • 1100

    ศิลปะยุคโรมาเนสก์

    ศิลปะยุคโรมาเนสก์
    การสร้างโบสถ์เเละอารามที่มีลักษณะดั้งเดิมเเละเเข็งเเกร่งโบสถ์และวิหารที่สร้างขึ้นในยุคนี้มีลักษณะโครงสร้างที่มั่นคงโดยทั่วไปมีพื้นฐานแบบอารามพร้อมกับการใช้โครงสร้างอิฐและหินเช่นโบสถ์เซนต์ซาเวียร์ในฝรั่งเศสโครงสร้างจะมีอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงโดม หรือทรงกรวยและเสาโรมันที่มักจะตกแต่งด้วยลวดลายที่ประณีต
  • 1240

    การเเต่งกายสมัยอาณาจักรกลาง

    การเเต่งกายสมัยอาณาจักรกลาง
    ผู้ชายยังคงนุ่งผ้าชิ้นเดียวแต่นุ่งหลายชั้นซ้อนกันโดยเล่นระดับผ้าให้สั้นยาวลดหลันมองดูคล้ายสามเหลี่ยมชั้นในสุดนุ่งกางเกงขาสั้น ผู้หญิงยังคงแต่งกายเหมือนอาณาจักรโบราณ สำหรับเครื่องแต่งกายของกษัตริย์และพระราชินีทรงเสื้อยาวถึงข้อเท้าเป็นรูปตัวทีเรียกว่า”ทูนิค” (Tunic) ตกแต่งเครื่องประดับ
  • 1250

    ศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา

    ศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา
    ศิลปินสร้างสรรค์ในรูปความงามตามธรรมชาติ และความงามที่เป็นศิลปะแบบคลาสสิกที่เจริญสูงสุด ซึ่งพัฒนาแบบใหม่จากศิลปะกรีกและโรมัน ความสำคัญของศิลปะสมัยฟื้นฟู มีความสำคัญต่อการสร้างสรรค์ศิลปะเกือบทุกสาขา โดยเฉพาะเทคนิคการเขียนภาพ การใช้องค์ประกอบทางศิลปะ (Composition) หลักกายวิภาค (Anatomy) การเขียนภาพทัศนียวิทยา (Perspective Drawing)
  • 1250

    การเเต่งกายยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา

    การเเต่งกายยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
    ชุดเน้นความหรูหราและการใช้ผ้ากำมะหยี่ ผ้าไหม ชายสวมชุดสูทคล้ายทหาร หญิงสวมกระโปรงบานยาว
  • 1279

    การเเต่งกายสมัยซ่ง

    การเเต่งกายสมัยซ่ง
    ชุดพื้นฐานมักจะเป็นเสื้อคลุมยาวที่เรียกว่า "จี" (ji) หรือ "จีเหิง" (ji heng) ซึ่งมักมีแขนยาวและถูกผูกด้วยเข็มขัดที่เอว ชุดนี้มักจะทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าไหม โดยสตรีจะสวมเสื้อคลุมที่ยาวถึงข้อเท้าและมีเสื้อที่เรียกว่า "ชุน" (chun) ที่มีแขนยาว
  • 1368

    การเเต่งกายสมัยเหวี่ยน

    การเเต่งกายสมัยเหวี่ยน
    ชุดประจำวันของชายในสมัยเหวี่ยนมักประกอบด้วยเสื้อคลุมยาวที่เรียกว่า "เปียว" (pao) ซึ่งมักจะมีการตกแต่งด้วยลวดลายที่มีความเรียบง่าย แต่ดูมีความสง่างาม นอกจากนี้ ยังมีการใช้เข็มขัดที่เอวเพื่อยึดเสื้อคลุมให้เรียบร้อย
  • 1400

    ศิลปะตะวันออกใกล้

    ศิลปะตะวันออกใกล้
    อียิปต์พัฒนาอารยธรรมเจริญรุ่งเรื่องสุดขีดในลุ่มแม่น้ำไนล์ ส่วนทางฝั่งตะวันออกของทะเล เมดิเตอร์เรเนียน ดินแดนแถบแม่น้ำไทกรีส และยูเฟรทีส ได้แก่ดินแดนบางส่วนของประเทศอิหร่าน ซีเรีย จอร์แดน และซาอุดีอาระเบียในปัจจุบัน เรียกว่าแคว้นเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) หมายถึงดินแดนในลุ่มแม่น้ำสองสาย ชนชาติดังกล่าวมีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองเช่นเดียวกัน ประเทศที่อยู่ในวัฒนธรรมนี้ได้แก่ สุเมเรียน บาบิโลเนียน อัสซิเรียน เปอร์เซีย
  • 1435

    ศิลปะยุคโรมันตะวันออก

    ศิลปะยุคโรมันตะวันออก
    ศิลปะที่เน้นการใช้สีทองเเละภาพพระพุทธเจ้าในสถาปัตยกรรมเเละโมเสคการใช้กระเบื้องหรือแก้วที่มีสีสันหลากหลายในการสร้างภาพศิลปะบนพื้นผิวต่างๆเช่นผนังและเพดานโดดเด่นด้วยการสร้างภาพพระเยซูนักบุญและฉากทางศาสนา
  • 1450

    ศิลปะยุคโกธิก

    ศิลปะยุคโกธิก
    การสร้างโบสถ์เเละมหาวิหารที่มีความสูงเเละกระจกสีในด้านศิลปะ การวาดภาพและประติมากรรมในยุคโกธิกมักจะมุ่งเน้นไปที่เรื่องราวทางศาสนาและชีวิตของนักบุญ ศิลปินในยุคนี้ยังใช้เทคนิคการทำลายมิติอย่างละเอียดเพื่อสร้างความรู้สึกของความลึกและความเป็นจริง
  • ศิลปะยุคเรอเนสซองส์

    ศิลปะยุคเรอเนสซองส์
    การฟื้นฟูศิลปะและวรรณกรรมคลาสสิกของกรีกและโรมันศิลปินในยุคเรอเนสซองส์มักใช้เทคนิคใหม่ๆเช่นการสร้างมิติการศึกษากายวิภาคศาสตร์เพื่อวาดภาพมนุษย์อย่างแม่นยำและการใช้แสงและเงาเพื่อเพิ่มความลึกและความสมจริงตัวอย่างศิลปินที่สำคัญได้แก่ลีโอนาร์
  • ศิลปะยุคไมซีนี

    ศิลปะยุคไมซีนี
    อาคารสมัยไมซีนีมีลักษณะเด่นคือ"พระราชวังไมซีนี" ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่และซับซ้อนเช่นพระราชวังที่ไมซีนีและทรอยสถาปัตยกรรมนี้มักมีลักษณะของการสร้างกำแพงสูงและการตกแต่งด้วยลวดลายที่ซับซ้อนศิลปะการตกแต่งที่พบในสมัยนี้รวมถึงภาพเขียนบนผนังเช่นภาพการล่าสัตว์หรือการแสดงกิจกรรมทางสังคมซึ่งบ่งบอกถึงชีวิตประจำวันและความเชื่อของคนในยุคนั้น
  • การเเต่งกายสมัยหมิง

    การเเต่งกายสมัยหมิง
    ชายในสมัยหมิงมักสวมเสื้อคลุมที่เรียกว่า "เปียว" (pao) ซึ่งเป็นเสื้อคลุมยาวที่มีการปักลวดลายละเอียด มักจะมีแขนยาวและกระโปรงยาวถึงข้อเท้ากางเกง: มักสวมกางเกงที่เรียกว่า "ชาง" (chang) ซึ่งเป็นกางเกงยาวที่สามารถใส่ได้สะดวกเข็มขัด: ใช้เข็มขัดเพื่อรัดเสื้อคลุม และมักจะมีการตกแต่งด้วยลวดลายหรืออัญมณี
  • การเเต่งกายสมัยอาณาจักรโบราณ

    การเเต่งกายสมัยอาณาจักรโบราณ
    ผู้ชายนุ่งผ้าสามเหลี่ยมผืนสั้นชิ้นเดียวคล้ายผ้าเตี่ยวเรียกว่า “ลอยน์ โคลท” (Loin Cloth) หรือ “ไทรแองกูล่า แอพพร่อน” (Triangular apron) พันรอบเอวทิ้งชายไว้ด้านหน้าหรือซุกไว้ด้านใน ไม่สวมเสื้อ ผู้หญิงนุ่งผ้าผืนยาวชั้นเดียวทรงแคบยาวตั้งแต่ใต้อกถึงข้อเท้าเรียกว่า “ชีทกาวน์” (Sheath gown) มีสายสะพายดึงไว้ที่ไหล่ทั้งสองข้าง สำหรับกษัตริย์และพระราชินีแต่งกายเช่นเดียวกับสามัญชน เพียงแต่ใช่ผ้าที่ดูหรูหรากว่าคนธรรมดา เป็นทอด้วยด้ายทอง จับจีบไว้ด้านหน้าและสวมมงกุฎ
  • ศิลปะยุคบาโรก

    ศิลปะยุคบาโรก
    การใช้แสงและเงาในการสร้างความรู้สึกถึงความรู้สึกและการเคลื่อนไหวงานศิลปะในยุคบาโรกมักใช้เทคนิคที่สร้างความรู้สึกของการเคลื่อนไหวและความลึกโดยการใช้แสงและเงาอย่างโดดเด่นและการวาดภาพที่มีการแสดงออกถึงอารมณ์อย่างเข้มข้นเช่นงานของคาราวัจโจและเปเตอร์ พอล รูเบนส์
  • ศิลปะยุคโรโคโค

    ศิลปะยุคโรโคโค
    ศิลปะที่เน้นความสวยงามเเละความหรูหราศิลปะโรโคโคเน้นความสวยงามและความละเอียดอ่อนมีลักษณะของการตกแต่งที่ซับซ้อนและนุ่มนวลช้สีสันอ่อนหวานและการออกแบบที่โค้งเว้าการตกแต่งแบบนี้มักมาพร้อมกับธีมของชีวิตที่สงบและโรแมนติกตัวอย่างของศิลปินที่สำคัญได้แก่ฟร็องซัวส์บูเชอและชานด์เรอส์
  • การเเต่งกายยุคบาโร

    การเเต่งกายยุคบาโร
    ชุดเต็มไปด้วยความอลังการ การใช้ลูกไม้ ผ้าคลุมที่ซับซ้อน และการออกแบบที่หรูหรา สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของศิลปะและวัฒนธรรม
  • ศิลปะแบบนีโอคลาสสิก

    ศิลปะแบบนีโอคลาสสิก
    นีโอคลาสสิกเป็นรูปแบบศิลปะที่อยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างสมัยใหม่กับสมัยเก่า ภาพเขียนจะสะท้อนเรื่องราวทางอารยธรรม เน้นความสง่างามของรูปร่างทรวดทรงของคนและส่วนประกอบของภาพ มีขนาดใหญ่โต แข็งแรง มั่นคง ใช้สีกลมกลืน มีดุลยภาพของแสง และเงาที่งดงาม
  • ศิลปะยุคเนโอคลาสสิก

    ศิลปะยุคเนโอคลาสสิก
    การกลับไปใช้รูปเเบบของศิลปะคลาสสิกจากกรีกเเละโรมันศิลปะเนโอโคลาสสิกเน้นการฟื้นฟูรูปแบบและหลักการของศิลปะกรีกและโรมันโดยมีลักษณะของความเรียบง่ายและความสง่างามการใช้เส้นที่คมชัดและการจัดวางที่เป็นระเบียบตัวอย่างศิลปินที่สำคัญ
  • การเเต่งกายยุค Victorian และ Gibson Girl

    การเเต่งกายยุค Victorian และ Gibson Girl
    ในสมัยยุควิกตอเรียทรวดทรงในอุดมคติของผู้หญิงเริ่มเปลี่ยนไปจากชุดเรียบร้อยสวยงามของรีเจนซี่หรือกระโปรงสุ่มโครงกว้างแบบเก่าไม่ใช่ความสวยงามในอุดมคติอีกต่อไป กลายเป็นเซตคอร์เซตรัดเอวประกอบกับรูปร่างอวบแน่นในช่วงหน้าอกและบั้นท้าย นำมาสู่ชุดที่เราคุ้นตากันดีกับความเอวคอดของเสื้อ
  • ศิลปะยุคโรเเมนติก

    ศิลปะยุคโรเเมนติก
    การเเสดงความรู้สึกเเละอารมณ์ผ่านศิลปะศิลปินและนักเขียนในยุคโรแมนติกมุ่งเน้นการแสดงออกถึงความรู้สึกและอารมณ์อย่างเข้มข้นงานศิลปะมักสะท้อนถึงความงดงามของธรรมชาติความรักและความเป็นเอกลักษณ์ของบุคคล
  • ศิลปะยุคอิมเพรสชันนิสต์

    ศิลปะยุคอิมเพรสชันนิสต์
    การจับภาพแสงและสีในช่วงเวลาสั้นศิลปินเน้นการจับภาพของแสงและบรรยากาศในช่วงเวลาต่างๆโดยการใช้เทคนิคการวาดที่รวดเร็วและคล่องแคล่วเพื่อแสดงความเปลี่ยนแปลงของแสงและสีเช่นในภาพที่วาดในแสงแดดหรือภายใต้สภาพอากาศที่แตกต่าง
  • ศิลปะยุคเรียสต์

    ศิลปะยุคเรียสต์
    การสร้างภาพสะท้อนความเป็นจริงของชีวิตประจำวันศิลปินเรียลลิสต์มุ่งเน้นการจับภาพชีวิตประจำวันและผู้คนในสภาพแวดล้อมที่แท้จริงโดยมักจะหลีกเลี่ยงการวาดภาพในเทพนิยายหรือประวัติศาสตร์
  • การเเต่งกายยุคยุคเอ็ดเวิร์ด

    การเเต่งกายยุคยุคเอ็ดเวิร์ด
    การแต่งกายสะท้อนถึงความสง่างามและหรูหรา กระโปรงยังคงยาว แต่มีการตัดเย็บที่เรียบง่ายขึ้นกว่าในยุควิกตอเรีย
  • การเเต่งกายสมัยชิง

    การเเต่งกายสมัยชิง
    ชายมักสวมเสื้อคลุมที่เรียกว่า "ชงเปียว" (changpao) ซึ่งเป็นเสื้อคลุมยาวที่มีแขนยาวและยาวถึงข้อเท้า มักทำจากผ้าไหมหรือผ้าทอที่มีลวดลายซับซ้อนและมีการปักลวดลายต่าง ๆ เช่น สัญลักษณ์ของโชคลาภหรือราชวงศ์กางเกง: ใส่กางเกงที่เรียกว่า "หูซี่" (huzi) ซึ่งเป็นกางเกงยาวที่ช่วยให้เคลื่อนไหวสะดวก
  • การเเต่งกายยุคยุค 1920s

    การเเต่งกายยุคยุค 1920s
    ชุดสตรีเริ่มสั้นขึ้นและมีความเรียบง่ายขึ้น ชุดแบบ “Flapper” เป็นที่นิยม เสื้อผ้าผู้ชายสวมสูททรงตรงและหมวกฟาง
  • การเเต่งกายยุคยุค ‘20s และ Flapper Dress

    การเเต่งกายยุคยุค ‘20s และ Flapper Dress
    ยุค 1920 ความรุ่งโรจน์ทางการออกแบบแฟชั่นมีให้เราเห็นจากอิทธิพลของแบรนด์ Chanel ที่สร้างสรรค์ชุดแฟลปเปอร์เดรสสุดคลาสสิก รูปแบบของเสื้อผ้าจะโน้มเอียงไปในทิศทางเดียวกันอิงจากร่างกายในอุดมคติของสาว ๆ
  • การเเต่งกายยุค1930s

    การเเต่งกายยุค1930s
    เสื้อผ้าเน้นความประหยัดและการใช้ผ้าที่เรียบง่าย สตรีเริ่มใส่กางเกงและเสื้อเชิ้ตที่ดูแข็งแรงขึ้น ผู้ชายใส่ชุดสูทที่เรียบง่าย
  • การเเต่งกายยุคสงครามโลก

    การเเต่งกายยุคสงครามโลก
    แฟชั่นสมัยยุค ‘40s อาจจะดูแข็งกระด้างไปสักนิดหากเทียบกับเดรสรูปแบบต่าง ๆ หรือไม่ก็การมิกซ์แอนด์แมตช์เนื้อผ้าความพลิ้วไหวที่สะท้อนถึงความเฟมีนีน กรอบของสังคมที่มุ่งเน้นความเข้มแข็งแฟชั่นก็ย่อมเปลี่ยนตามไหล่กว้างตรงหรือที่เรียกว่า “Strong Shoulders” ถูกพัฒนาลงในเสื้อเชิ้ตของผู้หญิง
  • การเเต่งกายยุคยุค 1940s (สงครามโลกครั้งที่ 2)

    การเเต่งกายยุคยุค 1940s (สงครามโลกครั้งที่ 2)
    การแต่งกายได้รับอิทธิพลจากสงคราม เสื้อผ้าผู้หญิงกลายเป็นชุดทำงานและทหารที่เน้นความสะดวก ผู้ชายใส่ชุดทหารหรือชุดที่เรียบง่าย
  • การเเต่งกายยุค ‘40s / สงครามโลก

    การเเต่งกายยุค ‘40s / สงครามโลก
    แฟชั่นสมัยยุค ‘40s อาจจะดูแข็งกระด้างไปสักนิดหากเทียบกับเดรสรูปแบบต่าง ๆ หรือไม่ก็การมิกซ์แอนด์แมตช์เนื้อผ้าความพลิ้วไหวที่สะท้อนถึงความเฟมีนีน กรอบของสังคมที่มุ่งเน้นความเข้มแข็งแฟชั่นก็ย่อมเปลี่ยนตามไหล่กว้างตรงหรือที่เรียกว่า “Strong Shoulders” ถูกพัฒนาลงในเสื้อเชิ้ตของผู้หญิง
  • การเเต่งกายยุค New Look

    การเเต่งกายยุค New Look
    พูดถึงแฟชั่นแต่จะไม่พูดถึงสิ่งที่ปฏิวัติให้แฟชั่นกลับมายิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยสีสันอย่าง “New Look” ฝีมือของ Christian Dior ไม่ได้ ด้วยลักษณะของสังคมที่เผชิญสงครามนานหลายปีทำให้เสื้อผ้าและความสร้างสรรค์
  • การเเต่งกายสมัยปฏิวัติซินไฮ่

    การเเต่งกายสมัยปฏิวัติซินไฮ่
    ในช่วงเวลานี้ ชายยังคงสวมเสื้อคลุมแบบดั้งเดิม เช่น ชุด "ชงเปียว" (changpao) ซึ่งเป็นเสื้อคลุมยาวที่มีลักษณะเหมือนสมัยราชวงศ์ชิง แต่การใช้ชุดนี้ลดลงสตรียังคงสวมชุดแบบ "ฉางเปียว" (changpao) หรือ "ชงเปียว" (qipao) ที่เป็นชุดยาวและมีการตกแต่งลวดลายชุดสมัยใหม่: เช่นเดียวกับผู้ชาย สตรีเริ่มมีการสวมชุดสไตล์ตะวันตกมากขึ้น รวมถึงเสื้อผ้าที่เป็นชุด
  • การเเต่งกายยุค 1950s (หลังสงคราม)

    การเเต่งกายยุค 1950s (หลังสงคราม)
    เสื้อผ้าเริ่มกลับมาเน้นความหรูหรา กระโปรงบานฟูฟ่องและเสื้อท่อนบนเข้ารูป ผู้ชายสวมชุดสูทที่มีการออกแบบแบบคลาสสิก
  • การเเต่งกายยุค ‘50s

    การเเต่งกายยุค ‘50s
    พลิกเส้นทางของแฟชั่นทุกสาย ช่วงยุค ‘50s อิทธิพลของลุคใหม่จากห้องเสื้อชื่อดังของฝรั่งเศสแพร่กระจายไปทั่ว คนเริ่มหันกลับมาให้ความสำคัญแฟชั่น ยุคนี้เองเหมือนแฟชั่นความซับซ้อน
  • การเเต่งกายยุค '60s / Space Age / Jackie

    การเเต่งกายยุค '60s / Space Age / Jackie
    เดรสสั้นเรียง่ายชุดเดียวสวมพร้อมรองเท้าแฟลตคงเป็นอะไรที่คุ้นตาสำหรับการเป็นตัวแทนแฟชั่นยุคนี้เป็นอย่างดี เพิ่มเติมรายละเอียดคือสีสันของชุดที่สดใสพร้อมลายพิมพ์บ้างบางส่วนประกอบกับรองเท้า
  • การเเต่กายยุค1960s แฟชั่นแห่งสีสัน

    การเเต่กายยุค1960s แฟชั่นแห่งสีสัน
    เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป วัสดุอย่างขนสัตว์ ผ้าไหมและวัตถุดิบในการผลิตสีต่าง ๆ ที่เป็นเครื่องหมายบ่งบอกสถานะของกลุ่มชนชั้นสูง สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นตามท้องตลาดทำให้บุคคลธรรมดาสามารถครอบครองและสวมใส่ได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น กฎเกณฑ์ในการแบ่งแยกชนชั้นด้วยสีสันและความปราณีตของเครื่องแต่งกายจึงเริ่มเสื่อมถอยลงไป ประจวบกับช่วงยุค 60 ซึ่งเป็นสมัยที่เพิ่งสิ้นสุดสงครามโลก
  • ศิลปะยุคโมเดิร์น

    ศิลปะยุคโมเดิร์น
    การทดลองในรูปแบบและวัสดุใหม่เช่นฟิวเจอริสต์คิวบิซึ่มและเซอร์เรียลลิซึ่มศิลปินในยุคโมเดิร์นมักจะทดลองรูปแบบและเทคนิคใหม่ๆโดยไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ทางศิลปะที่ดั้งเดิมเช่นการใช้รูปทรงเรขาคณิตการจัดองค์ประกอบที่ไม่เป็นระเบียบและการใช้สีและเทคนิคที่แปลกใหม่
  • ดารเเต่งกายยุค1970s แฟชั่นฮิปปี้

    ดารเเต่งกายยุค1970s แฟชั่นฮิปปี้
    เมื่อเข้าสู่ยุค 1970 เรียกได้ว่า เป็นยุคที่เปิดกว้างมุมมองเรื่องแฟชั่นและรสนิยมการแต่งกาย มีการรับเอาวัฒนธรรมของชาติตะวันตกเข้ามาผสมผสานกับสไตล์การแต่งตัวของตัวเองมากขึ้น ผู้หญิงเริ่มหยิบการแต่งกายของผู้ชายมาประยุกต์ให้กลายเป็นแฟชั่นหรือเรียกได้ว่าการแต่งกายแบบไม่ระบุเพศ (unisex) รวมถึงเป็นช่วงที่สไตล์การแต่งตัวแบบ His and Her outfits หรือการแต่งตัวแบบชุดคู่เริ่มต้นและได้รับความนิยม
  • การเเต่งกายยุค1980s กับความเท่แบบย้อนยุค

    การเเต่งกายยุค1980s กับความเท่แบบย้อนยุค
    เมื่อก้าวเข้าสู่ยุค 1980 ผู้คนเริ่มนิยมแฟชั่นสไตล์ชิล ๆ สบาย ๆ แต่คงความเท่อย่างลุค Dadcore ซึ่งนิยมใส่แจ็คเก็ต เสื้อกันลม Sweater หรือลุคสุดฮิตที่ทรงอิทธิพลมาจนถึงวัยรุ่นยุคปัจจุบันอย่างเสื้อยีนส์และรองเท้าผ้าใบสีขาว บ้างก็เพิ่มความเนี้ยบด้วยการสวมใส่เสื้อโปโลเน้นโทนสีสดใส เช่น ฟ้า เหลือง
  • การเเต่งกายยุค Minimalist / Casual Chic

    การเเต่งกายยุค Minimalist / Casual Chic
    อิทธิพลจากยุค ‘80s ยังส่งอิทธิพลสปอร์ตแวร์จนถึงยุค ‘90s เพราะเสื้อผ้าสบายเหมาะแก่การออกกำลังกายยังเป็นที่นิยมอยู่ แต่เทรนด์นี้ก็มาตีคู่กับกระแสซูเปอร์โมเดลต่าง ๆ ที่นอกรันเวย์ก็แต่งตัวสไตล์มินิมอลเหมือนคนปกติทั่วไป ประกอบกับอิทธิพลดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อกที่พลิกผันโฉมแฟชั่นมาสู่การแต่งกายง่าย ๆ
  • การเเต่งกายยุค1990s จากความไม่สนใจแฟชั่นจนกลายเป็นแฟชั่นแห่งทศวรรษ

    การเเต่งกายยุค1990s จากความไม่สนใจแฟชั่นจนกลายเป็นแฟชั่นแห่งทศวรรษ
    ในขณะที่ทศวรรษที่ 90s แฟชั่นได้เปลี่ยนไปสู่การแต่งกายที่มีความเรียบง่ายและไม่เป็นทางการ แฟชั่นยุค 90s ในบางช่วงมีจุดเด่นอยู่ที่ความเรียบง่ายหรือสไตล์มินิมอลดังจะเห็นได้จากลุคยอดนิยมอย่างการใส่ “เดรสทรง สลิป” บนเสื้อยืดสีขาว
  • ศิลปะยุคบรอนซ์

    ศิลปะยุคบรอนซ์
    มีการพัฒนาการหล่อทองสัมฤทธิ์และการสร้างรูปปั้น เช่น รูปปั้นจากวัฒนธรรมเมโสโปเตเมียและอียิปต์โบราณ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเทพเจ้าหรือผู้นำทางการเมือง
  • ศิลปะยุคปัจจุบัน

    ศิลปะยุคปัจจุบัน
    การทดลองในรูปแบบเเละวัสดุใหม่ๆๆในศิลปะศิลปินมักทดลองเทคนิคใหม่ๆและผสมผสานรูปแบบศิลปะที่หลากหลายเช่นการรวมศิลปะการแสดงการติดตั้งและสื่อดิจิทัลในงานเดียวกัน
  • การเเต่งกายยุคปัจจุบันเทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าในปี 2024

    การเเต่งกายยุคปัจจุบันเทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าในปี 2024
    หนึ่งในแฟชั่นกางเกงยีนส์ที่กำลังมาแรงสุดๆ ในปีนี้ก็คือกางเกงยีนส์ทรงหลวม หรือ Baggy Jeans ถึงแม้จะดูเรียบง่าย แต่ก็ดูดีมีสไตล์ในเวลาเดียวกัน สามารถนำมาแมตช์ได้หลายลุค ไม่ว่าจะเป็นแนวสตรีท แนวสปอร์ต หรือจะมิกซ์กับไอเทมเรียบหรูก็ดูเก๋ไม่แพ้กัน