-
เกิดขึ้นประมาณ 3500-3000 ปีก่อนศริสตกาล เป็นอารยธรรมแรกของเมโสโปเตเมีย อารยธรรมนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของโลก และเป็นรากฐานของการพัฒนาเมืองและรัฐในยุคโบราณ สุเมเรียนเป็นกลุ่มคนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่ตอนใต้ของอิรัก พวกเขาพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตร การชลประทาน และการค้า ทำให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม สุเมเรียนยังเป็นที่รู้จักในการพัฒนา การเขียนอักษรรูปลิ่ม (Cuneiform) ซึ่งเป็นระบบการเขียนที่เก่าแก่ที่สุดเพื่อบันทึกข้อมูลทางเศรษฐกิจและศาสนา
-
เกิดขึ้นประมาณ 3500-2000 ปีก่อนศริสตกาล เป็นอารยธรรมแรกของเมโสโปเตเมีย อารยธรรมนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของโลก
ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิรัก โดยเฉพาะในบริเวณลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีส (Tigris and Euphrates Rivers)
เป็นกลุ่มคนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวและเริ่มสร้างเมืองขนาดใหญ่ขึ้น เช่น เมืองเออร์ (Ur), เมืองอูรุก (Uruk), และเมืองลากัช (Lagash) -
เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตโลหะโดยผสมทองแดง (copper) กับดีบุก (tin) เพื่อสร้างโลหะผสมที่เรียกว่า บรอนซ์ (bronze) ซึ่งมีความแข็งแรงและทนทานมากกว่าทองแดงบริสุทธิ์ การพัฒนานี้ทำให้มนุษย์สามารถสร้างเครื่องมือ อาวุธ และสิ่งของเครื่องใช้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจ การเกษตร การทหาร และสังคมอย่างรวดเร็ว
-
- การค้นพบและการใช้โลหะ: ทองแดงถูกนำมาใช้ก่อนในยุคหินใหม่ (Neolithic) แต่ทองแดงบริสุทธิ์นั้นมีความอ่อนและไม่ทนทาน การผสมดีบุกเข้ากับทองแดงเพื่อทำเป็นบรอนซ์ทำให้โลหะมีความแข็งแรงขึ้นอย่างมาก
- การขยายตัวของการค้า: แหล่งแร่ดีบุกและทองแดงไม่ได้พบในทุกพื้นที่ ทำให้เกิดการค้าระหว่างภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรนี้
- การพัฒนาทางสังคมและการปกครอง: การใช้บรอนซ์ในเครื่องมือการเกษตรทำให้เกิดผลผลิตอาหารมากขึ้น
-
เป็นระบบการเขียนที่เก่าแก่ที่สุดระบบหนึ่งของโลก ซึ่งถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยชาว สุเมเรียน (Sumerians) ในบริเวณเมโสโปเตเมีย (ปัจจุบันคืออิรัก) ประมาณ 3,200 ปีก่อนคริสตกาล การเขียนคูนิฟอร์มนี้มีลักษณะเฉพาะ คือ การใช้สัญลักษณ์เป็นเส้นและรูปทรงคล้ายลิ่ม (cuneus ในภาษาละตินแปลว่า “ลิ่ม”) จึงเรียกกันว่า อักษรลิ่ม โดยการเขียนจะใช้แท่งเขียนทำจากอ้อยหรือไม้กดลงบนดินเหนียว
-
การปกครองแบบ เมืองรัฐ (City-States) ในอารยธรรมสุเมเรียนเป็นลักษณะการจัดระเบียบทางสังคมและการปกครองที่แต่ละเมืองทำหน้าที่เป็นอิสระจากกัน มีอำนาจและกฎหมายของตนเอง ไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองแบบรวมศูนย์จากเมืองหลักหรือจักรวรรดิ เมืองรัฐสุเมเรียนแต่ละเมืองจึงมีการปกครองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมักมีการปกครองผ่านกษัตริย์หรือผู้ปกครองที่ได้รับการยอมรับจากทั้งทางการเมืองและศาสนา
-
สุเมเรียนประกอบด้วยเมืองรัฐที่มีอำนาจปกครองตนเองแต่ละเมือง เช่น อูรุก เออร์ และลากาช เมืองเหล่านี้มักทำสงครามกันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรและอำนาจการปกครอง ช่วงเวลานี้เกิดขึ้นในประมาณ 2,900-2,300 ปีก่อนคริสตกาล (BC)
-
เกิดขึ้นในช่วงยุคอาณาจักรเก่า (Old Kingdom) ของอียิปต์โบราณ ประมาณ 2,580-2,500 ปีก่อนคริสตกาล ในบริเวณที่ราบสูงกิซา (Giza Plateau) ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองไคโรในปัจจุบัน การสร้างพีระมิดนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของโลกโบราณ
ที่ตั้ง พีระมิดกิซาตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบสูงกิซา ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ -
- การปกครองของฟาโรห์: พีระมิดกิซาเป็นสุสานสำหรับฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่ 4 ฟาโรห์คูฟู
- การออกแบบและวิศวกรรม: การก่อสร้างพีระมิดใช้วิศวกรรมที่ซับซ้อน พีระมิดกิซาสร้างขึ้นจากหินปูน (limestone) และหินแกรนิต (granite) ซึ่งถูกตัดและขนส่งจากเหมืองหิน
- แรงงานมหาศาลการสร้างพีระมิดต้องใช้แรงงานจำนวนมหาศาล หลายหมื่นคน ซึ่งประกอบด้วยชาวนา ช่างฝีมือ และแรงงานที่ได้รับค่าจ้าง
- จุดประสงค์ทางศาสนา: ชาวอียิปต์เชื่อว่าพีระมิดเป็นบันไดสู่สวรรค์สำหรับฟาโรห์ ซึ่งจะขึ้นไปสู่ชีวิตหลังความตาย
-
เกิดขึ้นประมาณ 2500 - 1500 ปีก่อนคริสตกาล ที่ปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่ของประเทศปากีสถานและบางส่วนของอินเดียตะวันตกเฉียงเหนือ
1. ภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวย
2. การตั้งถิ่นฐานและการเกษตร:ตั้งถิ่นฐานอย่างถาวรในบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุ เนื่องจากมีแหล่งน้ำและพื้นที่การเกษตรที่อุดมสมบูรณ์
3.การพัฒนาเทคโนโลยีและศิลปะ: ชาวลุ่มแม่น้ำสินธุมีความก้าวหน้าในด้านการช่างและเทคโนโลยี
4.การค้าและการติดต่อกับอารยธรรมอื่น: ชาวลุ่มแม่น้ำสินธุมีการค้าขายกับอารยธรรมอื่นๆในเมโสโปเตเมียและพื้นที่รอบๆผ่านการค้าทางทะเลและทางบก -
เกิดขึ้นประมาณ 2500 - 1500 ปีก่อนคริสตกาล ที่ปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่ของประเทศปากีสถานและบางส่วนของอินเดียตะวันตกเฉียงเหนือ
1. ภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวย
2. การตั้งถิ่นฐานและการเกษตร:ตั้งถิ่นฐานอย่างถาวรในบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุ เนื่องจากมีแหล่งน้ำและพื้นที่การเกษตรที่อุดมสมบูรณ์
3.การพัฒนาเทคโนโลยีและศิลปะ: ชาวลุ่มแม่น้ำสินธุมีความก้าวหน้าในด้านการช่างและเทคโนโลยี
4.การค้าและการติดต่อกับอารยธรรมอื่น: ชาวลุ่มแม่น้ำสินธุมีการค้าขายกับอารยธรรมอื่นๆในเมโสโปเตเมียและพื้นที่รอบๆผ่านการค้าทางทะเลและทางบก -
ในช่วงประมาณ 2,334 ปีก่อนคริสตกาล (BC) ซาร์กอนมหาราชได้รวบรวมเมืองรัฐสุเมเรียนและก่อตั้งอาณาจักรอักแคด (Akkadian Empire) ซึ่งเป็นจักรวรรดิแรกของโลก สุเมเรียนถูกครอบงำโดยจักรวรรดิอักแคดแต่ยังคงมีบทบาททางวัฒนธรรมที่สำคัญ
-
ในช่วงประมาณ 2,112-2,004 ปีก่อนคริสตกาล (BC) อาณาจักรเออร์ที่สาม (Third Dynasty of Ur) เจริญรุ่งเรืองและกลายเป็นศูนย์กลางของอำนาจในสุเมเรียน เป็นยุคที่สุเมเรียนมีความเจริญสูงสุดในด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
-
ในช่วงประมาณ 2,112-2,004 ปีก่อนคริสตกาล (BC) อาณาจักรเออร์ที่สาม (Third Dynasty of Ur) เจริญรุ่งเรืองและกลายเป็นศูนย์กลางของอำนาจในสุเมเรียน เป็นยุคที่สุเมเรียนมีความเจริญสูงสุดในด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
-
สุเมเรียนสร้างมหาวิหารขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “ซิกกูแรต” เพื่อใช้เป็นสถานที่บูชาเทพเจ้า หนึ่งในซิกกูแรตที่มีชื่อเสียงคือ Ziggurat of Ur ซึ่งสร้างขึ้นประมาณ 2,100 ปีก่อนคริสตกาล (BC)
-
อารยธรรมสุเมเรียนเริ่มเสื่อมลงหลังจากการล่มสลายของอาณาจักรเออร์ที่สาม ในช่วงประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล (BC) เนื่องจากการรุกรานของชนเผ่าอามอไรต์ (Amorites) และเอลาไมต์ (Elamites)
-
ในบาบิโลน (Babylon) พระเจ้า ฮัมมูราบี ได้สร้างประมวลกฎหมายที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกโบราณ ซึ่งประกาศใช้ประมาณ 1750 ปีก่อนคริสตกาล กฎหมายนี้ครอบคลุมเรื่องความยุติธรรม การค้า และชีวิตประจำวัน เช่น ความยุติธรรมในเรื่องหนี้สิน การค้าทาส และบทลงโทษสำหรับความผิดต่าง ๆ
-
จักรวรรดิอัสซีเรียเก่าซึ่งเคยมีอำนาจในเมโสโปเตเมียเสื่อมลงในช่วงเวลานี้ หลังจากการต่อสู้กับชนเผ่าต่าง ๆ ในพื้นที่
-
อารยธรรมในลุ่มแม่น้ำสินธุ (ปัจจุบันคืออินเดียและปากีสถาน) ได้ล่มสลายไปในช่วงนี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและการรุกรานของชนเผ่าอารยัน
-
อารยธรรมมิโนอัน บนเกาะครีต (Crete) เสื่อมลงอย่างรุนแรงจากการระเบิดของภูเขาไฟ Thera ประมาณ 1600 ปีก่อนคริสตกาล ทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่และภัยธรรมชาติอื่น ๆ ส่งผลให้อารยธรรมนี้อ่อนแอลง จนถูกรุกรานจากอารยธรรมไมซีนี (Mycenaean Civilization)
-
อาณาจักรฮิตไทต์ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของตุรกีปัจจุบัน เจริญรุ่งเรืองขึ้นในช่วงเวลานี้ โดยพวกเขาได้พัฒนาศิลปะการทำเหล็กและมีอำนาจปกครองเหนือดินแดนส่วนใหญ่ในอนาโตเลีย (Anatolia)
-
เป็นหนึ่งในภาษาที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของอินเดีย มีการใช้งานในด้านศาสนา ปรัชญา และวรรณกรรมมาตั้งแต่ยุคโบราณ ถือเป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดู พุทธ และเชน โดยภาษาสันสกฤตถือกำเนิดจากตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียนและมีอิทธิพลต่อภาษาและวัฒนธรรมของอินเดียและเอเชียใต้มากมาย
-
เกิดขึ้นในอินเดียโดยมีพัฒนาการต่อเนื่องหลายพันปี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก พัฒนามาจากความเชื่อและประเพณีของชาวอารยันที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุและลุ่มแม่น้ำคงคาในช่วงประมาณ 1500 ปีก่อนคริสตกาล
-
ฟาโรห์อาเมนโฮเตปที่ 3 เป็นฟาโรห์ผู้ทรงอำนาจที่ปกครองอียิปต์ในยุคนี้ ช่วงนี้ถือเป็นยุคทองของอียิปต์โบราณ โดยมีการพัฒนาอย่างมากในด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม และการทูตระหว่างประเทศ
-
รามเสสที่ 2 หรือ รามเสสมหาราช (Ramses the Great) ปกครองอียิปต์ในช่วง 1279-1213 ปีก่อนคริสตกาล เขาเป็นที่รู้จักจากสงครามกับจักรวรรดิฮิตไทต์และการสร้างอนุสรณ์สถานขนาดใหญ่ เช่น วิหารอาบูซิมเบล (Abu Simbel)
-
เป็นตำนานที่สำคัญในวรรณกรรมกรีกโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลงานของโฮเมอร์ (Homer) ในบทกวี อีเลียด (Iliad) และ โอดิสซีย์ (Odyssey) ตามตำนาน สงครามนี้เกิดขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างชาวกรีกและเมืองทรอย (Troy) ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในดินแดนของปัจจุบันคือประเทศตุรกี
-
จักรวรรดิฮิตไทต์ล่มสลายจากการรุกรานของชนเผ่าต่าง ๆ รวมถึงชนเผ่าทะเล (Sea Peoples) ที่เข้ามารุกรานและทำลายอารยธรรมในภูมิภาคตะวันออกกลางและเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก
-
• กษัตริย์ดาวิด (King David) ปกครองอิสราเอลและตั้งกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงในช่วงประมาณ 1000 ปีก่อนคริสตกาล จากนั้นบุตรชายของเขา โซโลมอน (Solomon) ได้สร้างวิหารแห่งแรกของกรุงเยรูซาเลม
-
• อัสซีเรียเริ่มกลับมามีอำนาจอีกครั้งในช่วงนี้ โดยขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวางในตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นช่วงรุ่งเรืองของจักรวรรดิอัสซีเรียใหม่
-
อัสซีเรียเริ่มกลับมามีอำนาจอีกครั้งในช่วงนี้ โดยขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวางในตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นช่วงรุ่งเรืองของจักรวรรดิอัสซีเรียใหม่
-
ตามตำนานโรมัน เมืองโรมถูกก่อตั้งขึ้นในปี 753 ปีก่อนคริสตกาล โดย โรมูลุส (Romulus) และเรมุส (Remus) สองพี่น้องฝาแฝดผู้ก่อตั้งเมืองนี้ โรมจะเติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
-
• กษัตริย์เนบูคัดเนซาร์ที่ 2 (Nebuchadnezzar II) ของจักรวรรดิบาบิโลน ได้รุกรานอาณาจักรยูดาห์และทำลายวิหารเยรูซาเลม รวมถึงกวาดต้อนชาวยิวไปเป็นเชลยในบาบิโลน
-
ชาวโรมันยกเลิกระบบกษัตริย์และสถาปนาสาธารณรัฐ โดยมุ่งเน้นการปกครองผ่านสภาซีเนต (Senate) และมีข้าหลวง (Consuls) ทำหน้าที่เป็นผู้นำประเทศ
-
สงครามระหว่างอาณาจักรเปอร์เซียและนครรัฐกรีกเริ่มต้นขึ้น โดยมีการรบสำคัญเช่น การรบที่มาราธอน (Battle of Marathon) ในปี 490 ปีก่อนคริสตกาล ที่ชาวเอเธนส์สามารถขับไล่ทัพเปอร์เซียออกไปได้
-
ยุคนี้เป็นช่วงที่จีนแบ่งแยกออกเป็นแคว้นหลายแคว้น โดยมีแคว้นที่ใหญ่และสำคัญคือ แคว้นฉิน (Qin), ฉู่ (Chu), ฉี (Qi), หาน (Han), เว่ย (Wei), จ้าว (Zhao) และเอี้ยน (Yan) แต่ละแคว้นมีการทำสงครามและแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงอำนาจและดินแดน
-
ยุคนี้เป็นช่วงที่จีนแบ่งแยกออกเป็นแคว้นหลายแคว้น โดยมีแคว้นที่ใหญ่และสำคัญคือ แคว้นฉิน (Qin), ฉู่ (Chu), ฉี (Qi), หาน (Han), เว่ย (Wei), จ้าว (Zhao) และเอี้ยน (Yan) แต่ละแคว้นมีการทำสงครามและแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงอำนาจและดินแดน
-
เสวียนหยาง (Shang Yang) เป็นนักปฏิรูปสำคัญของแคว้นฉิน ในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล เขาได้นำเสนอการปฏิรูปต่างๆ ที่เน้นการสร้างระบบการบริหารและการปกครองที่มีประสิทธิภาพ เขาได้วางระบบการบริหารตามหลักการของนิติธรรม (Legalism) ที่เน้นกฎหมายและระเบียบที่เข้มงวด นอกจากนี้ เขายังสร้างระบบการเก็บภาษีและการทหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้แคว้นฉินแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและการทหาร
-
เสวียนหยาง (Shang Yang) เป็นนักปฏิรูปสำคัญของแคว้นฉิน ในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล เขาได้นำเสนอการปฏิรูปต่างๆ ที่เน้นการสร้างระบบการบริหารและการปกครองที่มีประสิทธิภาพ เขาได้วางระบบการบริหารตามหลักการของนิติธรรม (Legalism) ที่เน้นกฎหมายและระเบียบที่เข้มงวด นอกจากนี้ เขายังสร้างระบบการเก็บภาษีและการทหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้แคว้นฉินแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและการทหาร
-
อเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซิโดเนีย ได้ขยายจักรวรรดิของตนไปทั่วเปอร์เซีย อียิปต์ และอินเดีย จนกลายเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น
-
อเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซิโดเนีย ได้ขยายจักรวรรดิของตนไปทั่วเปอร์เซีย อียิปต์ และอินเดีย จนกลายเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น
-
เป็นกษัตริย์และนักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรมาซิโดเนียในสมัยกรีกโบราณ พระองค์ทรงเป็นที่รู้จักในฐานะนักพิชิตที่สามารถสร้างจักรวรรดิอันกว้างใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่จากกรีซถึงอินเดียในช่วงชีวิตของพระองค์ แม้จะครองราชย์เพียงระยะเวลาไม่ถึง 13 ปี แต่พระองค์ได้สร้างประวัติศาสตร์ที่มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อโลกในยุคนั้น
-
ในปี 246 ก่อนคริสตกาล อิ๋งเจิ้ง (Ying Zheng) ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งแคว้นฉินเมื่ออายุเพียง 13 ปี ภายหลังเขาจะเป็นที่รู้จักในนาม ฉินซีฮ่องเต้ (จักรพรรดิฉินองค์แรก) เมื่อขึ้นครองราชย์เต็มตัว อิ๋งเจิ้งได้เริ่มต้นการขยายอำนาจและทำสงครามกับแคว้นอื่นๆ เพื่อรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งเดียว
-
ระหว่างปี 230 ถึง 221 ก่อนคริสตกาล ฉินซีฮ่องเต้ได้ทำสงครามและพิชิตแคว้นต่างๆ ที่เหลือ โดยเริ่มจากแคว้นหาน (Han) ในปี 230 ก่อนคริสตกาล ตามมาด้วยแคว้นจ้าว (Zhao), เว่ย (Wei), ฉู่ (Chu), ฉี (Qi) และเอี้ยน (Yan) แคว้นสุดท้ายที่ยอมจำนนคือแคว้นฉีในปี 221 ก่อนคริสตกาล ทำให้ฉินซีฮ่องเต้กลายเป็นผู้ปกครองคนแรกที่รวมแผ่นดินจีนทั้งหมดภายใต้การปกครองของจักรวรรดิเดียว
-
ระหว่างปี 230 ถึง 221 ก่อนคริสตกาล ฉินซีฮ่องเต้ได้ทำสงครามและพิชิตแคว้นต่างๆ ที่เหลือ โดยเริ่มจากแคว้นหาน (Han) ในปี 230 ก่อนคริสตกาล ตามมาด้วยแคว้นจ้าว (Zhao), เว่ย (Wei), ฉู่ (Chu), ฉี (Qi) และเอี้ยน (Yan) แคว้นสุดท้ายที่ยอมจำนนคือแคว้นฉีในปี 221 ก่อนคริสตกาล ทำให้ฉินซีฮ่องเต้กลายเป็นผู้ปกครองคนแรกที่รวมแผ่นดินจีนทั้งหมดภายใต้การปกครองของจักรวรรดิเดียว
-
เป็นราชวงศ์แรกของจีนที่รวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์ โดยเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่การก่อตั้งราชวงศ์ฉินเกิดขึ้นจากกระบวนการรวมแคว้นต่างๆ ที่แยกกันปกครองในยุค จ้านกั๋ว (Warring States Period)
-
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของราชวงศ์ฉิน โดยการตั้งชื่อว่า “ซีฮ่องเต้” (จักรพรรดิองค์แรก) แสดงถึงความปรารถนาของพระองค์ที่จะสร้างราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่และคงอยู่ตลอดไป
ฉินซีฮ่องเต้ได้ปฏิรูปการปกครองโดยสร้างระบบการบริหารที่รวมศูนย์อำนาจ จัดตั้งจังหวัดและเขตปกครองทั่วประเทศ สร้างระบบการวัดและน้ำหนักที่เป็นมาตรฐาน และใช้เงินตราเดียวกันทั้งจักรวรรดิ -
การปกครองที่เข้มงวดและการใช้แรงงานอย่างหนักในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ทำให้ประชาชนไม่พอใจและเกิดการกบฏขึ้นหลังการสิ้นพระชนม์ของฉินซีฮ่องเต้ในปี 210 ก่อนคริสตกาล ราชวงศ์ฉินจึงสิ้นสุดลงในปี 206 ก่อนคริสตกาล หลังจากครองราชย์ได้เพียง 15 ปี
-
ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม (แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าพระองค์ประสูติในวันนั้นจริง) และประมาณปี 4-6 ก่อนคริสตกาล มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อศาสนาคริสต์ เพราะเหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจแห่งความรอดของพระเจ้าและการมาเยือนของพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษยชาติ
-
สมรภูมินี้เกิดขึ้นระหว่างกองทัพโรมันและกลุ่มชนเผ่าเยอรมัน โดยชนเผ่าเยอรมันภายใต้การนำของอาร์มีนิอุส (Arminius) ได้เข้าตีและทำลายกองทัพโรมัน 3 กองทัพในป่าของเทียวโทบวร์ก ทางตอนเหนือของเยอรมนีในปัจจุบัน เหตุการณ์นี้ส่งผลให้จักรวรรดิโรมันล้มเลิกการขยายอำนาจเข้าสู่ดินแดนเยอรมัน และเป็นเหตุการณ์สำคัญในการขัดขวางการขยายอำนาจของโรมันในยุโรปตอนเหนือ
-
การตรึงกางเขนของพระเยซูคริสต์เป็นเหตุการณ์ทางศาสนาที่สำคัญที่สุดสำหรับคริสต์ศาสนา พระเยซูถูกประหารชีวิตโดยการตรึงกางเขนในกรุงเยรูซาเล็ม โดยพระองค์ถูกกล่าวหาว่าทำการบ่อนทำลายอำนาจของโรมันและชาวยิวที่ปกครองดินแดนนั้น การสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูถือเป็นแก่นของความเชื่อทางศาสนาของคริสเตียน
-
จักรพรรดิโรมันเคลาดิอุส (Claudius) ได้ส่งกองทัพโรมันไปยึดครองเกาะบริเตน ซึ่งเป็นดินแดนที่อาศัยอยู่โดยชนเผ่าเคลต์ เหตุการณ์นี้ทำให้บริเตนกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน และส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างทางการเมืองและสังคมของบริเตนในเวลาต่อมา
-
เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในกรุงโรมซึ่งเผาผลาญเมืองไปมากกว่า 10 วัน ขณะนั้นจักรพรรดิเนโร (Nero) เป็นผู้ปกครองโรม เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สั่งให้เผาเมืองเพื่อสร้างเมืองใหม่ตามแผนของเขา แม้ว่าเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน แต่ผลจากเหตุการณ์นี้ทำให้ชุมชนคริสเตียนในโรมถูกกลุ่มอำนาจโรมันโจมตีและถูกกล่าวหาว่าเป็นแพะรับบาป
-
จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช (Constantine the Great) ออกกฤษฎีกามิลานที่ประกาศให้คริสเตียนมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา โดยคริสเตียนจะไม่ถูกข่มเหงในจักรวรรดิโรมันอีกต่อไป เหตุการณ์นี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้คริสต์ศาสนาเริ่มแพร่หลายและมีอิทธิพลในจักรวรรดิโรมัน
-
สภานีเซียเป็นสภาคริสตจักรสากลครั้งแรกที่จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชทรงเป็นผู้เรียกประชุม เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งทางศาสนาในคริสต์ศาสนา โดยสภานี้ได้ประกาศใช้หลักศาสนาคริสต์อย่างเป็นทางการ เช่น การยืนยันถึงธรรมชาติของพระเยซูคริสต์
-
ชนเผ่าโกธตะวันออก (Visigoths) ได้อพยพเข้าสู่ดินแดนโรมันจากการถูกรุกรานโดยพวกฮั่น (Huns) นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการรุกรานจักรวรรดิโรมันของกลุ่มชนเผ่าเยอรมัน ที่เรียกว่า “การอพยพครั้งใหญ่” หรือ “Migration Period” ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของกลุ่มชนเผ่าในยุโรปตอนเหนือ
-
ยุทธการนี้เป็นการสู้รบระหว่างกองทัพโรมันตะวันตกและพันธมิตรของพวกวิซิกอธกับกองทัพของพวกฮั่นที่นำโดยอัตติลา (Attila the Hun) การรบที่ชาลอนเกิดขึ้นในดินแดนฝรั่งเศสปัจจุบัน และแม้ว่าจะไม่มีฝ่ายใดชนะชัดเจน แต่การต่อสู้นี้ทำให้อัตติลาไม่สามารถรุกรานยุโรปตะวันตกได้มากกว่านี้
-
มีผลกระทบต่อประวัติศาสตร์ยุโรป เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 476 เมื่อจักรพรรดิโรมันองค์สุดท้าย โรมัลลุส ออกุสตุลุส (Romulus Augustulus) ถูกโอดออาเซอร์ (Odoacer) ผู้นำกองทัพชาวเยอรมันปลดออกจากอำนาจ การสิ้นสุดของจักรวรรดิโรมันตะวันตกนี้มักถูกมองว่าเป็นการสิ้นสุดของสมัยโบราณและเป็นจุดเริ่มต้นของยุคกลางในยุโรป
-
ตั้งอยู่ในเมืองคอนสแตนติโนเปิล (ปัจจุบันคือเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี) เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่สำคัญและมีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ก่อสร้างขึ้นในยุคจักรวรรดิโรมันตะวันออก (หรือจักรวรรดิไบแซนไทน์) โดยมีจักรพรรดิจัสติเนียนที่ 1 (Justinian I) เป็นผู้สั่งการให้สร้างในปี ค.ศ. 537 หลังจากที่มหาวิหารแห่งนี้ถูกทำลายจากการจลาจล Nika Riots
-
ช่วงเวลาหลังจากการก่อตั้งศาสนาอิสลามโดยศาสดามูฮัมหมัดในศตวรรษที่ 7 และการขยายอิทธิพลของอิสลามทั้งในแง่ของการปกครอง ศาสนา วัฒนธรรม และวิทยาการในดินแดนต่าง ๆ ของโลก
-
ช่วงเวลาหลังจากการก่อตั้งศาสนาอิสลามโดยศาสดามูฮัมหมัดในศตวรรษที่ 7 และการขยายอิทธิพลของอิสลามทั้งในแง่ของการปกครอง ศาสนา วัฒนธรรม และวิทยาการในดินแดนต่าง ๆ ของโลก
-
หลังจากที่ศาสนาอิสลามเริ่มต้นในศตวรรษที่ 7 จักรวรรดิอิสลามขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงศตวรรษที่ 8-9 ภายใต้การนำของราชวงศ์อุมัยยะห์ (Umayyad) และราชวงศ์อับบาซียะห์ (Abbasid) ดินแดนอิสลามครอบคลุมตั้งแต่แคว้นคาบสมุทรอาหรับ จนถึงทางตอนใต้ของยุโรป และแอฟริกาเหนือ ทำให้เกิดการเผยแพร่วัฒนธรรมและวิทยาการอิสลามไปยังหลายภูมิภาคและส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและวัฒนธรรมในโลกยุคกลาง
-
หลังจากที่ศาสนาอิสลามเริ่มต้นในศตวรรษที่ 7 จักรวรรดิอิสลามขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงศตวรรษที่ 8-9 ภายใต้การนำของราชวงศ์อุมัยยะห์ (Umayyad) และราชวงศ์อับบาซียะห์ (Abbasid) ดินแดนอิสลามครอบคลุมตั้งแต่แคว้นคาบสมุทรอาหรับ จนถึงทางตอนใต้ของยุโรป และแอฟริกาเหนือ ทำให้เกิดการเผยแพร่วัฒนธรรมและวิทยาการอิสลามไปยังหลายภูมิภาคและส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและวัฒนธรรมในโลกยุคกลาง
-
ช่วงนี้เป็นยุคที่ไวกิ้งจากสแกนดิเนเวียได้ออกสำรวจและรุกรานหลายภูมิภาคในยุโรป โดยเหตุการณ์ที่โดดเด่นคือการโจมตีเมืองหลวงลินดิสฟาร์น (Lindisfarne) ในปี ค.ศ. 793 ที่ถือเป็นการเริ่มต้นของยุคไวกิ้ง ไวกิ้งได้สร้างอาณาจักรและอาณานิคมในดินแดนต่างๆ เช่น อังกฤษ ไอร์แลนด์ และฝรั่งเศส รวมถึงการค้าขายและเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกล เช่น รัสเซียและไบแซนไทน์
-
ช่วงนี้เป็นยุคที่ไวกิ้งจากสแกนดิเนเวียได้ออกสำรวจและรุกรานหลายภูมิภาคในยุโรป โดยเหตุการณ์ที่โดดเด่นคือการโจมตีเมืองหลวงลินดิสฟาร์น (Lindisfarne) ในปี ค.ศ. 793 ที่ถือเป็นการเริ่มต้นของยุคไวกิ้ง ไวกิ้งได้สร้างอาณาจักรและอาณานิคมในดินแดนต่างๆ เช่น อังกฤษ ไอร์แลนด์ และฝรั่งเศส รวมถึงการค้าขายและเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกล เช่น รัสเซียและไบแซนไทน์
-
จักรวรรดิคาโรลิงเจียนที่ก่อตั้งโดยชาร์เลอมาญ (Charlemagne) มีอำนาจมากในยุโรปตะวันตก แต่หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ จักรวรรดิก็ถูกแบ่งแยกออกเป็นหลายอาณาจักรย่อยโดยข้อตกลงเวิร์ดุน (Treaty of Verdun) ในปี ค.ศ. 843 แบ่งดินแดนระหว่างพระโอรสสามองค์ เหตุการณ์นี้นำไปสู่การอ่อนแอของอำนาจกลางและเกิดรัฐที่แยกตัวขึ้นในยุโรป ซึ่งกลายเป็นรากฐานของประเทศฝรั่งเศสและเยอรมนีในยุคต่อมา
-
รัฐเคียฟรัสถูกก่อตั้งโดยเจ้าชายนอร์สชื่อโอเล็ก (Oleg of Novgorod) ในปี ค.ศ. 882 เมื่อเขาสามารถยึดครองเมืองเคียฟได้ รัฐเคียฟรัสเติบโตเป็นศูนย์กลางการค้าและการเมืองที่สำคัญในภูมิภาคยุโรปตะวันออก ภายใต้การปกครองของราชวงศ์รุริค (Rurik dynasty) รัฐนี้มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงการค้าและวัฒนธรรมระหว่างจักรวรรดิไบแซนไทน์กับชาวยุโรปเหนือและตะวันออก ต่อมาในศตวรรษที่ 10 รัฐเคียฟรัสยอมรับศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ ซึ่งมีอิทธิพลยาวนานต่อการพัฒนาวัฒนธรรมและศาสนาในรัสเซียและยูเครน
-
จักรพรรดิบาซิลที่ 2 (Basil II) ของจักรวรรดิไบแซนไทน์มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูและขยายอาณาจักรไบแซนไทน์ในยุคกลาง พระองค์สามารถเอาชนะบัลแกเรียและขยายอาณาเขตทางตอนเหนือและตะวันตกของจักรวรรดิ ทำให้ไบแซนไทน์กลายเป็นมหาอำนาจที่มีอิทธิพลในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้
-
จักรพรรดิบาซิลที่ 2 (Basil II) ของจักรวรรดิไบแซนไทน์มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูและขยายอาณาจักรไบแซนไทน์ในยุคกลาง พระองค์สามารถเอาชนะบัลแกเรียและขยายอาณาเขตทางตอนเหนือและตะวันตกของจักรวรรดิ ทำให้ไบแซนไทน์กลายเป็นมหาอำนาจที่มีอิทธิพลในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้
-
เกิดขึ้นจากการที่จักรวรรดิไบแซนไทน์ซึ่งถูกคุกคามจากการขยายอำนาจของชาวเซลจุกเติร์ก (Seljuk Turks) ได้ขอความช่วยเหลือจากยุโรปตะวันตกให้ช่วยต่อสู้กับศัตรูเพื่อปกป้องกรุงคอนสแตนติโนเปิลและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะกรุงเยรูซาเลมที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวมุสลิม
-
เกิดขึ้นจากการที่จักรวรรดิไบแซนไทน์ซึ่งถูกคุกคามจากการขยายอำนาจของชาวเซลจุกเติร์ก (Seljuk Turks) ได้ขอความช่วยเหลือจากยุโรปตะวันตกให้ช่วยต่อสู้กับศัตรูเพื่อปกป้องกรุงคอนสแตนติโนเปิลและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะกรุงเยรูซาเลมที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวมุสลิม
-
เกิดขึ้นที่เมืองโบโลญญา ประเทศอิตาลี ในช่วงปลายศตวรรษที่ 11 โดยมีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยโบโลญญา (University of Bologna) ในปี ค.ศ. 1088 มหาวิทยาลัยนี้ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังดำเนินกิจการอยู่ในปัจจุบัน
-
เกิดขึ้นที่เมืองโบโลญญา ประเทศอิตาลี ในช่วงปลายศตวรรษที่ 11 โดยมีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยโบโลญญา (University of Bologna) ในปี ค.ศ. 1088 มหาวิทยาลัยนี้ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังดำเนินกิจการอยู่ในปัจจุบัน
-
เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1215 กฎบัตรแมกนาคาร์ตาเป็นเอกสารที่พระเจ้าจอห์น (King John) แห่งอังกฤษต้องลงนามหลังจากความกดดันจากขุนนางและบารอนที่ไม่พอใจการปกครองของเขา ได้ระบุหลักการสำคัญเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและขอบเขตของอำนาจของกษัตริย์ แมกนาคาร์ตาไม่ได้ทำให้การปกครองของพระเจ้าเจอห์นดีขึ้นโดยทันที แต่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในการวางรากฐานของหลักกา
-
เกิดขึ้นในยุโรประหว่างศตวรรษที่ 14 ถึง 17 โดยมีต้นกำเนิดจากอิตาลีและกระจายไปยังประเทศอื่น ๆ ในยุโรปในเวลาต่อมา ยุคนี้เป็นการฟื้นฟูความสนใจในศิลปะและวรรณกรรมที่มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมกรีกและโรมันโบราณ
-
เกิดขึ้นในยุโรประหว่างศตวรรษที่ 14 ถึง 17 โดยมีต้นกำเนิดจากอิตาลีและกระจายไปยังประเทศอื่น ๆ ในยุโรปในเวลาต่อมา ยุคนี้เป็นการฟื้นฟูความสนใจในศิลปะและวรรณกรรมที่มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมกรีกและโรมันโบราณ
-
เป็นการระบาดครั้งใหญ่ของโรคกาฬโรคที่เกิดขึ้นในยุโรปในช่วงกลางศตวรรษที่ 14 โดยเริ่มจากปี ค.ศ. 1347 ถึง 1351 กาฬโรคเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Yersinia pestis ซึ่งมักจะติดเชื้อผ่านการกัดของเห็บที่มีเชื้อโรคหรือการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น หนู
-
เป็นการระบาดครั้งใหญ่ของโรคกาฬโรคที่เกิดขึ้นในยุโรปในช่วงกลางศตวรรษที่ 14 โดยเริ่มจากปี ค.ศ. 1347 ถึง 1351 กาฬโรคเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Yersinia pestis ซึ่งมักจะติดเชื้อผ่านการกัดของเห็บที่มีเชื้อโรคหรือการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น หนู
-
เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1492 โคลัมบัสเป็นนักสำรวจชาวเจนัว (Genoa) ที่ได้รับการสนับสนุนจากพระราชาและราชินีแห่งสเปน คือ พระราชาเฟอร์ดินานด์ที่ 2 และราชินีอิซาเบลล่า (King Ferdinand II and Queen Isabella) ในการเดินทางเพื่อค้นหาทางไปยังเอเชียตะวันออกโดยการเดินทางผ่านมหาสมุทรแอตแลนติก
-
การเคลื่อนไหวทางศาสนาที่เริ่มขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 เพื่อท้าทายและปฏิรูปคริสตจักรคาทอลิกในยุโรป การปฏิรูปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ศาสนาคริสต์และการพัฒนาของการเคลื่อนไหวโปรเตสแตนต์ (Protestant Reformation)
-
ประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์และความรู้ ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปลายศตวรรษที่ 16 ถึงต้นศตวรรษที่ 18 ในยุโรป ช่วงเวลานี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีการศึกษาและทำความเข้าใจธรรมชาติและจักรวาล ลักษณะสำคัญของการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
1.การพัฒนาในวิธีการวิทยาศาสตร์
2. การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ:
•นิโคลัส โคเปอร์นิคัส •กาลิเลโอ กาลิเลอี
• ไอ แซค นิวตัน
3.การเปลี่ยนแปลงในความรู้และความเชื่อ
4. ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา -
ประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์และความรู้ ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปลายศตวรรษที่ 16 ถึงต้นศตวรรษที่ 18 ในยุโรป ช่วงเวลานี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีการศึกษาและทำความเข้าใจธรรมชาติและจักรวาล ลักษณะสำคัญของการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
1.การพัฒนาในวิธีการวิทยาศาสตร์
2. การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ:
•นิโคลัส โคเปอร์นิคัส •กาลิเลโอ กาลิเลอี
• ไอ แซค นิวตัน
3.การเปลี่ยนแปลงในความรู้และความเชื่อ
4. ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา -
เป็นสงครามที่เกิดขึ้นในยุโรประหว่างปี ค.ศ. 1618 ถึง 1648 ซึ่งเป็นหนึ่งในสงครามที่ยืดเยื้อและมีความซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป สงครามนี้เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางศาสนาและการเมืองในจักรวรรดิเยอรมัน (Holy Roman Empire) แต่ภายหลังขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
-
เป็นสงครามที่เกิดขึ้นในยุโรประหว่างปี ค.ศ. 1618 ถึง 1648 ซึ่งเป็นหนึ่งในสงครามที่ยืดเยื้อและมีความซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป สงครามนี้เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางศาสนาและการเมืองในจักรวรรดิเยอรมัน (Holy Roman Empire) แต่ภายหลังขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
-
เป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ที่เริ่มต้นในปลายศตวรรษที่ 18 และต้นศตวรรษที่ 19 โดยมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี การปฏิวัติอุตสาหกรรมเริ่มต้นในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) และแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของยุโรปและอเมริกาเหนือ
-
เป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ที่เริ่มต้นในปลายศตวรรษที่ 18 และต้นศตวรรษที่ 19 โดยมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี การปฏิวัติอุตสาหกรรมเริ่มต้นในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) และแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของยุโรปและอเมริกาเหนือ
-
เกิดขึ้นในปลายศตวรรษที่ 18 ผ่านกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้เพื่อเอกราชจากจักรวรรดิบริเตนใหญ่และการสร้างรัฐธรรมนูญเพื่อจัดตั้งประเทศใหม่ กระบวนการนี้มีลักษณะเด่นดังนี้:
1. สงครามประกาศอิสรภาพ
2. การประกาศอิสรภาพ
3. สงครามและชัยชนะ
4. การก่อตั้งรัฐธรรมนูญ -
เกิดขึ้นในฝรั่งเศสระหว่างปี ค.ศ. 1789 ถึง 1799 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมและการปกครองจากระบบกษัตริย์ที่มีอภิสิทธิ์ให้กลายเป็นระบบที่ยึดหลักประชาธิปไตย เสรีภาพ และความเท่าเทียม
-
เกิดขึ้นในฝรั่งเศสระหว่างปี ค.ศ. 1789 ถึง 1799 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมและการปกครองจากระบบกษัตริย์ที่มีอภิสิทธิ์ให้กลายเป็นระบบที่ยึดหลักประชาธิปไตย เสรีภาพ และความเท่าเทียม
-
เกิดขึ้นในยุโรประหว่างปี ค.ศ. 1803 ถึง 1815 ซึ่งมีชื่อเรียกตามนโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoleon Bonaparte) ผู้นำและจักรพรรดิแห่งฝรั่งเศสในช่วงเวลานั้น สงครามเหล่านี้เกิดขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างจักรวรรดิฝรั่งเศสภายใต้การนำของนโปเลียนกับพันธมิตรหลายประเทศในยุโรปที่ต้องการยับยั้งการขยายอำนาจของฝรั่งเศส
-
เกิดขึ้นในยุโรประหว่างปี ค.ศ. 1803 ถึง 1815 ซึ่งมีชื่อเรียกตามนโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoleon Bonaparte) ผู้นำและจักรพรรดิแห่งฝรั่งเศสในช่วงเวลานั้น สงครามเหล่านี้เกิดขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างจักรวรรดิฝรั่งเศสภายใต้การนำของนโปเลียนกับพันธมิตรหลายประเทศในยุโรปที่ต้องการยับยั้งการขยายอำนาจของฝรั่งเศส
-
การยกเลิกทาสในสหรัฐอเมริกาเป็นกระบวนการที่ยาวนานและซับซ้อน ซึ่งเกิดจากความขัดแย้งทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจที่มีทาสเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐทางใต้ของสหรัฐฯ ที่เศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการใช้แรงงานทาสในไร่ฝ้ายและยาสูบ กระบวนการนี้นำไปสู่ สงครามกลางเมืองสหรัฐ (American Civil War) และการออกกฎหมายสำคัญเพื่อยุติระบบทาส
-
เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1914 ถึง 1918 โดยมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมือง การทหาร และเศรษฐกิจที่สั่งสมมานานระหว่างชาติมหาอำนาจในยุโรป รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดการปะทุของสงคราม สาเหตุหลัก ๆ ของสงครามโลก
ครั้งที่ 1 ได้แก่
1. ระบบพันธมิตร
2. ลัทธิจักรวรรดินิยม
3. ลัทธิชาตินิยม
4. การแข่งขันทางทหาร
5. การลอบสังหารอาร์ชดยุกฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์
6. การประกาศสงคราม -
เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1914 ถึง 1918 โดยมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมือง การทหาร และเศรษฐกิจที่สั่งสมมานานระหว่างชาติมหาอำนาจในยุโรป รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดการปะทุของสงคราม สาเหตุหลัก ๆ ของสงครามโลก
ครั้งที่ 1 ได้แก่
1. ระบบพันธมิตร
2. ลัทธิจักรวรรดินิยม
3. ลัทธิชาตินิยม
4. การแข่งขันทางทหาร
5. การลอบสังหารอาร์ชดยุกฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์
6. การประกาศสงคราม -
เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1939 ถึง 1945 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ โดยสงครามนี้เกิดจากหลายปัจจัยทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งสามารถสรุปสาเหตุหลัก ๆ ได้ดังนี้:
1. สนธิสัญญาแวร์ซายส์และผลกระทบทางเศรษฐกิจ
2. การขึ้นสู่อำนาจของฮิตเลอร์และพรรคนาซี
3. การขยายอำนาจและการรุกรานของเยอรมนี
4. การรุกรานโปแลนด์และการประกาศสงคราม
5. ความขัดแย้งทั่วโลก -
เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1939 ถึง 1945 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ โดยสงครามนี้เกิดจากหลายปัจจัยทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งสามารถสรุปสาเหตุหลัก ๆ ได้ดังนี้:
1. สนธิสัญญาแวร์ซายส์และผลกระทบทางเศรษฐกิจ
2. การขึ้นสู่อำนาจของฮิตเลอร์และพรรคนาซี
3. การขยายอำนาจและการรุกรานของเยอรมนี
4. การรุกรานโปแลนด์และการประกาศสงคราม
5. ความขัดแย้งทั่วโลก -
เกิดขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อสร้างองค์กรระหว่างประเทศที่มีเป้าหมายหลักในการรักษาสันติภาพ ความมั่นคงระหว่างประเทศ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยสหประชาชาติได้รับการก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1945 ซึ่งถือเป็น วันสหประชาชาติ (United Nations Day)
-
เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์และการต่อสู้เพื่ออำนาจระหว่างสองค่ายมหาอำนาจหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตัวแทนของระบบทุนนิยมและเสรีประชาธิปไตย และ สหภาพโซเวียต ซึ่งสนับสนุนลัทธิคอมมิวนิสต์และเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
-
เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์และการต่อสู้เพื่ออำนาจระหว่างสองค่ายมหาอำนาจหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตัวแทนของระบบทุนนิยมและเสรีประชาธิปไตย และ สหภาพโซเวียต ซึ่งสนับสนุนลัทธิคอมมิวนิสต์และเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
-
การปฏิวัติจีน หรือ การปฏิวัติคอมมิวนิสต์จีน เป็นกระบวนการที่นำไปสู่การก่อตั้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี ค.ศ. 1949 โดยมีผู้นำคนสำคัญคือ เหมา เจ๋อตง (Mao Zedong) การปฏิวัตินี้เกิดขึ้นจากการต่อสู้ระหว่าง พรรคชาตินิยมจีน (ก๊กมินตั๋ง) นำโดย เจียง ไคเช็ก (Chiang Kai-shek) และ พรรคคอมมิวนิสต์จีน นำโดยเหมา เจ๋อตง ซึ่งนำไปสู่สงครามกลางเมืองที่ยาวนานหลายปี
-
เป็นการเดินทางที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของการสำรวจอวกาศ โดยเฉพาะในช่วงยุคของ การแข่งขันอวกาศ (Space Race) ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 การเดินทางนี้สำเร็จโดย โครงการอะพอลโล (Apollo Program) ของนาซา (NASA) สหรัฐอเมริกา
-
เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1989 ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดสงครามเย็นและการเริ่มต้นของการรวมประเทศเยอรมนี
-
เกิดขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1991 และเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภูมิภาคและโลกทั้งใบ การล่มสลายของสหภาพโซเวียตนำไปสู่การสิ้นสุดของระบอบคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกและการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างมหาศาลในภูมิภาคนั้น
-
เกิดขึ้นจากการพยายามสร้างระบบที่สามารถทำงานหรือเรียนรู้เหมือนกับมนุษย์ โดยมีประวัติและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน: ช่วยเรื่องต่างๆ ดังนี้
1. การวิเคราะห์ข้อมูล
2. การปรับปรุงการบริการลูกค้า
3. การแพทย์
4. การขับรถอัตโนมัติ
5. การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน
6. การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่
7. การปรับแต่งและการตลาด -
เป็นการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 โดยกลุ่ม อัลกออิดะห์ (Al-Qaeda) ซึ่งนำโดย ออสมา บิน ลาเดน (Osama bin Laden) การโจมตีนี้มีรายละเอียดดังนี้:
1.การลักพาตัวเครื่องบิน
•เครื่องบินเที่ยวบิน 11 ของสายการบินอเมริกัน
•เครื่องบินเที่ยวบิน 175 ของสายการบินยูไนเต็ด
•เครื่องบินเที่ยวบิน 77 ของสายการบินอเมริกัน
•เครื่องบินเที่ยวบิน 93 ของสายการบินยูไนเต็ด
2. ผลกระทบ
• ศูนย์การค้าโลก
• กระทรวงกลาโหม
• การตอบโต้
• นโยบายความมั่นคง
• สงครามต่อต้านการก่อการร้าย -
เกิดขึ้นจากการพยายามสร้างระบบที่สามารถทำงานหรือเรียนรู้เหมือนกับมนุษย์ โดยมีประวัติและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน: ช่วยเรื่องต่างๆ ดังนี้
1. การวิเคราะห์ข้อมูล
2. การปรับปรุงการบริการลูกค้า
3. การแพทย์
4. การขับรถอัตโนมัติ
5. การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน
6. การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่
7. การปรับแต่งและการตลาด -
เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยที่ซับซ้อนและสามารถมีผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก ได้แก่
1. วิกฤตการเงินโลก
•สาเหตุหลัก
• ฟองสบู่ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์
• ผลิตภัณฑ์ทางการเงินซับซ้อน
• การล้มละลายของสถาบันการเงินใหญ่
2. วิกฤตหนี้ยูโรโซน
• สาเหตุหลัก
• หนี้สาธารณะสูง
• ปัญหาการจัดการงบประมาณ
3. วิกฤต COVID-19
• สาเหตุหลัก
• การแพร่ระบาดของไวรัส
• การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน
4. ปัจจัยอื่น ๆ
• วิกฤตการเมืองและสงคราม
• การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงิน -
เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยที่ซับซ้อนและสามารถมีผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก ได้แก่
1. วิกฤตการเงินโลก
•สาเหตุหลัก
• ฟองสบู่ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์
• ผลิตภัณฑ์ทางการเงินซับซ้อน
• การล้มละลายของสถาบันการเงินใหญ่
2. วิกฤตหนี้ยูโรโซน
• สาเหตุหลัก
• หนี้สาธารณะสูง
• ปัญหาการจัดการงบประมาณ
3. วิกฤต COVID-19
• สาเหตุหลัก
• การแพร่ระบาดของไวรัส
• การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน
4. ปัจจัยอื่น ๆ
• วิกฤตการเมืองและสงคราม
• การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงิน -
เป็นชุดของการเคลื่อนไหวทางการเมืองและการประท้วงที่เกิดขึ้นในโลกอาหรับตั้งแต่ปลายปี 2010 ถึงปี 2011 และต่อเนื่องในบางประเทศ การปฏิวัตินี้มีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลที่คอร์รัปชันและการปฏิรูปทางการเมืองและสังคม
-
เป็นชุดของการเคลื่อนไหวทางการเมืองและการประท้วงที่เกิดขึ้นในโลกอาหรับตั้งแต่ปลายปี 2010 ถึงปี 2011 และต่อเนื่องในบางประเทศ การปฏิวัตินี้มีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลที่คอร์รัปชันและการปฏิรูปทางการเมืองและสังคม
-
เกิดขึ้นจากการแพร่กระจายของไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นไวรัสชนิดใหม่ที่อยู่ในกลุ่ม โคโรนาไวรัส (coronavirus) ไวรัสนี้เริ่มต้นการแพร่ระบาดจากเมือง อู่ฮั่น (Wuhan) ในประเทศจีนในช่วงปลายปี 2019
-
เกิดขึ้นจากการแพร่กระจายของไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นไวรัสชนิดใหม่ที่อยู่ในกลุ่ม โคโรนาไวรัส (coronavirus) ไวรัสนี้เริ่มต้นการแพร่ระบาดจากเมือง อู่ฮั่น (Wuhan) ในประเทศจีนในช่วงปลายปี 2019
-
เริ่มตั้งแต่การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (SARS-CoV-2) ในปี 2019 ซึ่งก่อให้เกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลก การพัฒนาวัคซีนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้นเนื่องจากความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และการลงทุนทางการเงินขนาดใหญ่