-
สงครามหรือในกฎหมายระหว่างประเทศใช้คำว่า การขัดกันทางอาวุธคือสถานะความขัดแย้งด้วยอาวุธระหว่างหน่วยทางการเมืองที่ดำรงอยู่เป็นอิสระ หรือแนวร่วมขององค์การดังกล่าว โดยทั่วไปมีลักษณะเป็นการรุกรานที่มีการใช้ความรุนแรง การทำลายล้างและมีอัตราเสียชีวิตในระดับสูงหรือในระดับอุกฉกรรจ์ กำลังทหารที่ใช้มีทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบนักวิชาการบางส่วนมองว่าการสงครามเป็นสากลและเป็นส่วนที่สืบมาแต่บรรพชนของธรรมชาติมนุษย์ แต่บางส่วนก็แย้งว่าสงครามเป็นเพียงผลลัพธ์แห่งกรณีแวดล้อมทางสังคม-วัฒนธรรมหรือระบบนิเวศเฉพาะ
-
ครูเสด (Crusade) เป็นชุดสงครามทางศาสนาในช่วงยุคกลาง ซึ่งคริสตจักรละตินเป็นผู้ริเริ่ม สนับสนุน และบางครั้งก็สั่งการเอง สงครามครั้งที่รู้จักกันดีที่สุด คือ คราวที่ส่งกองทัพไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระหว่าง ค.ศ. 1095–1291 โดยประสงค์จะปลดปล่อยเยรูซาเล็มกับพื้นที่รายรอบให้พ้นจากการปกครองของมุสลิม กิจกรรมทางทหารที่เกิดขึ้น
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%94 -
ค.ศ.1095 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 แห่งกรุงโรม รวบรวมกองทัพชาวคริสต์ไปยังกรุงเยรูซาเลม ช่วงแรกกองทัพของปีเตอร์ นักพรต นำล่วงหน้ากองทัพใหญ่ไปก่อน ส่วนกองทัพหลักมีประมาณ 50,000 คนซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศฝรั่งเศสนำโดย โรเบิร์ต เคอร์โทส ดยุกแห่งนอร์มังดี
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_1 -
-
สงครามครูเสดครั้งที่ 2 (1147–1149) เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างคริสเตียนและมุสลิมใตะวันออกกลาง ซึ่งเกิดจากการแก่งแย่งอำนาจกันในภูมิภาคนั้น ลัทธิศักดินาที่ครูเสดนำมาใช้ในเอเชียน้อยแพร่ไปยังมุสลิมด้วย อิมาดุดดีนซังกีบุตรของอักสุนกูรเจ้าเมืองอเลปโป รวบรวมดินแดนรอบ ๆ อ่านเพิ่มที่นี่
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_2 -
สงครามครูเสดครั้งที่3(1187–1192)เริ่มขึ้นหลังจากที่ศอลาฮุดดีนอัลอัยยูบีย์ยึดนครเยรูซาเลมคืนจากพวกคริสเตียนในปี 1187 เมื่อกองทัพแฟรงก์เริ่มยกทัพมา ศอลาฮุดดีนมีแผนที่จะโจมตีขณะพวกครูเสดเดินทัพ แต่ตัดสินใจรอจนพวกคริสเตียนมาถึงชานเมืองอักกะพวกครูเสดจึงตั้งค่ายล้อมเมืองโดยได้รับเสบียงจากยุโรปทางทะเลศอลาฮุดดีนเริ่มโจมตีเมื่อวันที่ 14 กันยายน 1189โดยมีกองทัพตุรกีจากเมืองใกล้เคียงมาสมทบ หลานชายของเขา ตะกียุดดีนแสดงความกล้าหาญในการรบพวกครูเสดถูกฆ่าตายประมาณ 10,000 คน และโรคระบาดแพร่กระจายจากศพที่เน่าเสีย
-
สงครามครูเสดครั้งที่ 4 (Fourth Crusade) (ค.ศ. 1202-ค.ศ. 1204) เป็นสงครามครูเสด ครั้งที่สี่ที่เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1202 และสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1204 จุดประสงค์แรกของสงครามก็เพื่อยึดเยรูซาเลมคืนจากมุสลิม แต่ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1204 นักรบครูเสดจากยุโรปตะวันตกก็เข้ารุกรานและยึดเมืองคอนสแตนติโนเปิลที่เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิไบแซนไทน์ของอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์แทนที่ ซึ่งถือกันว่าเป็นวิกฤติการณ์สุดท้ายที่ทำให้เกิดศาสนเภทตะวันออก-ตะวันตก ระหว่างอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ และ โรมันคาทอลิก
-
ค.ศ. 1217-ค.ศ. 1221 เป็นสงครามครูเสดที่พยายามยึดเยรูซาเลมและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดคืนโดยเริ่มด้วยการโจมตีรัฐมหาอำนาจของอัยยูบิดในอียิปต์สมเด็จพระสันตะปาปาโฮโนริอุสที่ 3 ทรงรวบรวมกองทัพครูเสดโดยการนำของเลโอโปลด์ที่ 4 ดยุคแห่งออสเตรียรและ สมเด็จพระเจ้าแอนดรูว์ที่ 2 แห่งฮังการี ต่อมาในปี ค.ศ. 1218 กองทัพเยอรมนีที่นำโดยโอลิเวอร์แห่งโคโลญและกองกำลังหลายชาติที่ประกอบด้วยกองทัพชาวเนเธอร์แลนด์, เฟลมมิช และฟรีเชียนที่นำโดยวิลเลียมที่ 1 เคานท์แห่งฮอลแลนด์ก็มาร่วม ในการที่จะโจมตีดามิยัตตาในอียิปต์
-
ค.ศ. 1228-ค.ศ. 1229สงครามครูเสดครั้งนี้เริ่มขึ้นเพียงเจ็ดปีหลังจากความล้มเหลวของสงครามครูเสดครั้งที่ 5สถานที่ไซปรัสตะวันออกใกล้ผลพวกครูเสดมีชัยในทางการทูตดินแดนเปลี่ยนแปลงยกเยรูซาเลมนาซาเรธไซดอน, ญัฟฟา และเบธเลเฮมให้กับพวกครูเสดสมเด็จพระจักรพรรดิฟรีดริชที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ทรงมีส่วนบทบาทเกี่ยวข้องเป็นอันมากในโดยการทรงส่งกองทัพจากเยอรมนีแต่พระองค์มิได้ทรงเข้าร่วมในการยุทธการโดยตรงแม้ว่าจะทรงได้รับการหว่านล้อมจากสมเด็จพระสันตะปาปาโฮโนริอุสที่3และต่อมาสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่9ก็ตาม
-
ค.ศ. 1248–1254เป็นการทัพครูเสด ที่ฝ่ายคริสต์ นำทัพโดยพระเจ้าหลุยส์ที่9แห่งฝรั่งเศส รบกับสุลต่านแห่งราชวงศ์อัยยูบีย์ อัสซาลิห์ อัยยูบ์สถานที่อัลมันซูระอียิปต์ผลมุสลิมชนะภายหลังการสนธิสัญญาระหว่างจักรพรรดิเฟรดเดอริคที่2แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์กับอัล-คามิลสุลต่านแห่งอัยยูบีย์ในครั้งนั้น เยรูซาเล็มก็ถูกชาวมุสลิมยึดกลับไปอีก ในเวลานั้นเป็นสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนตให้จัดยึดเยรูซาเล็มกลับคืนอีกครั้ง มีเพียงพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส พระองค์เดียวเท่านั้นที่อาสาออกรบ
-
ค.ศ. 1270สงครามครูเสดครั้งนี้เริ่มขึ้นโดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1270 สมเด็จพระจักรพรรดิฟรีดริชที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เข้าเป็นครั้งเดียวกัน และสงครามครูเสดครั้งที่ 9 ก็นับเป็นครั้งเดียวกับครั้งที่ 8สถานที่ตูนิเซียผลฝ่ายมุสลิมได้รับชัยชนะ
หลุยส์ที่ 9 สวรรคตเปิดการค้าขายกับตูนิสดินแดนเปลี่ยนแปลวคงเดิมพระเจ้าหลุยส์ทรงพระราชวิตกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซีเรียเมื่อสุลต่านมามลุคไบบาร์เข้าโจมตีอาณาจักรครูเสดที่ยังเหลืออยู่ -
เป็นหนึ่งในสงครามครูเสดและเป็นสงครามครูเสดครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นระหว่างปีค.ศ.1271–ค.ศ.1272 เป็นสงครามที่ต่อสู้กันในตะวันออกใกล้ระหว่างฝ่ายผู้นับถือคริสต์ศาสนาและฝ่ายผู้นับถือศาสนาอิสลาม ในสงครามครั้งนี้ฝ่ายมุสลิมเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ ที่เป็นผลทำให้สงครามครูเสดยุติลงในที่สุดและอาณาจักรครูเสดต่างๆ ในบริเวณลว้านก็สลายตัวไปสถานที่ตะวันออกใกล้ผลฝ่ายมุสลิมได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดสงครามครูเสดยุติการล่มสลายของอาณาจักรครูเสด ถือกันว่าเป็นสงครามครูเสดครั้งสุดท้ายและเป็นสงครามใหญ่สงครามสุดท้ายของยุคกลาง
-
เป็นชุดความขัดแย้งระหว่าง ค.ศ. 1337 ถึง 1453 ระหว่างราชวงศ์แพลนแทเจเนต ผู้ปกครองราชอาณาจักรอังกฤษ กับราชวงศ์วาลัว เพื่อแย่งการควบคุมราชอาณาจักรฝรั่งเศส ต่างฝ่ายดึงพันธมิตรมากมายเข้าสู่สงครามวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1337 – 19 ตุลาคม ค.ศ. 1453(116 ปี 4 เดือน 3 สัปดาห์ 4 วัน)ราชวงศ์วาลัวยังคงครองบัลลังก์ฝรั่งเศส สิทธิบุตรหัวปีฝ่ายชายได้รับการรับรองเป็นกฎมณเฑียรบาลของฝรั่งเศสพระราชอำนาจของกษัตริย์ฝรั่งเศสแข็งแกร่งมากขึ้นราชวงศ์แพลนแทเจเนตอ่อนแอลง ทำให้เกิดสงครามดอกกุหลาบเกิดชาตินิยมในอังกฤษ
-
-
เป็นสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1566 จนถึงปี ค.ศ. 1648ระหว่าง สาธารณรัฐดัตช์ และ จักรวรรดิสเปน สงครามเริ่มจากการเป็นการปฏิวัติต่อต้านสมเด็จพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปนผู้เป็นประมุขของเนเธอร์แลนด์ของฮับส์บวร์กในหลายจังหวัดทางตอนเหนือ ที่เริ่มขึ้นในฮอลแลนด์ และ เซแลนด์ สงครามจบลงด้วยการลงนามในสนธิสัญญาเวสต์ฟาเลีย ผลของสงครามในที่สุดก็นำไปสู่การแยกตัวของเจ็ดจังหวัดที่มารวมตัวกันเป็นสาธารณรัฐดัตช์ จังหวัดต่อต้านฟลานเดอร์ส
-
-
เป็นการสู้รบโดยส่วนใหญ่ในเยอรมนีและยุโรปกลางยุคปัจจุบัน ถือว่าเป็นหนึ่งในความขัดแย้งที่มีการทำลายล้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป มีการคิดประมาณโดยรวมของการเสียชีวิตของทหารและพลเรือน จำนวนระหว่าง 4.5 ถึง 8 ล้านคน ในขณะที่ได้มีการเสนอว่า มีจำนวนประชากรที่เสียชีวิตลงถึง 60% ในบางพื้นที่ของเยอรมนี
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%B5 -
-
-
เป็นสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างปีค.ศ.1688จนถึงปีค.ศ. 1697ที่การต่อสู่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนแผ่นดินใหญ่ยุโรป แต่ก็มีบ้างที่เกิดขึ้นในไอร์แลนด์และทวีปอเมริกาเหนือ สงครามเป็นความขัดแย้งระหว่างราชอาณาจักรฝรั่งเศสภายใต้การนำของพระเจ้าหลุยส์ที่14และจาโคไบต์ไอริชฝ่ายหนึ่งกับมหาพันธมิตรอีกฝ่ายหนึ่งที่นำโดยพระเจ้าวิลเลียมที่3แห่งอังกฤษ,สมเด็จพระจักรพรรดิลีโอโพลด์ที่1แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์,พระเจ้าคาร์โลสที่2แห่งสเปนและพระเจ้าวิคเตอร์อมาเดอุสที่2แห่งซาร์ดิเนียวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 1688 – 20 กันยายน ค.ศ. 1697
-
ค.ศ. 1702–ค.ศ. 1714) ซึ่งรวมทั้งสงครามพระนางแอนน์ ใน ทวีปอเมริกาเหนือเป็นสงครามครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของทวีปยุโรปเกี่ยวกับปัญหาการสืบสันติวงศ์ของบัลลังก์สเปน ซึ่งเป็นผลให้มีการเปลี่ยนความสมดุลทางอำนาจในยุโรป ผู้เป็นผู้นำทางทหารที่สำคัญ ๆ ในสงครามครั้งนี้ก็ได้แก่โคลด ลุยส์ เฮคเตอร์ แห่งวิลลาร์ส, เจมส์ ฟิทซเจมส์ ดยุกแห่งเบอร์วิก, จอห์น เชอร์ชิล ดยุกแห่งมาร์ลบะระ และเจ้าชายเออแฌนแห่งซาวอยวันที่ ค.ศ. 1702–ค.ศ. 1714สถานที่ทวีปยุโรป และ ทวีปอเมริกาเหนือผล สนธิสัญญาอูเทร็คท์
-
-
ค.ศ.1714ในปีค.ศ.1700พระเจ้าการ์โลสที่2แห่งสเปนสวรรคตและทรงทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างให้ดยุกแห่งอองชู พระนัดดาในพระเจ้าหลุยส์ที่14แห่งฝรั่งเศสและผู้กลายมาเป็นพระเจ้าเฟลีเปที่5แห่งสเปนสงครามจึงค่อย ๆ ประทุขึ้นโดยจักรพรรดิเลโอโปลด์ที่1แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ราชวงศ์ฮับส์บูร์กทรงต่อสู้เพื่อรักษาบัลลังก์สเปนไว้กับฮับส์บูร์กพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เริ่มขยายดินแดนอย่างรวดเร็ว
-
เป็นสงครามที่เกิดจากความทะเยอทยานของพระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งสเปน, พระมเหสีเอลิซาเบธ ฟาร์เนเซ และอัครมหาเสนาบดีจุยลิโอ อัลแบโรนีในการพยายามที่จะยึดดินแดนในอิตาลีคืน และ อ้างสิทธิในการครองราชบัลลังก์ฝรั่งเศส ฝ่ายสเปนเป็นฝ่ายแพ้ต่อสัมพันธมิตรที่รวมทั้งราชอาณาจักรบริเตนใหญ่, ราชอาณาจักรฝรั่งเศส, อาณาจักรอาร์คดยุคแห่งออสเตรีย (ขณะนั้นเป็นรัฐบริวารของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์)
-
สงครามเริ่มจากการที่เมื่อจักรพรรดิคาร์ลที่ 6 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เสด็จสวรรคตในค.ศ. 1740 พระนางมาเรีย เทเรซา ผู้เป็นพระราชบุตรเพียงองค์เดียวจึงได้สืบบัลลังก์ของฮังการี, โครเอเชีย, โบฮีเมีย, ออสเตรีย และปาร์มา ต่อจากพระราชบิดา ซึ่งขัดกับกฎหมายแซลิกที่ห้ามสตรีครองแว่นแคว้น นอกจากนี้ ด้วยความที่พระนางซึ่งเป็นสตรีไม่สามารถสืบตำแหน่งจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ได้ จึงผลักดันให้พระสวามีคือฟรันซ์ สเตฟัน ดยุกแห่งลอแรน ขึ้นเป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์แทน
-
-
ค.ศ. 1756 – 1763โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป มีการสู้รบเกิดขึ้นในห้าทวีป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างสองข้างด้วยกัน ข้างหนึ่งนำโดยบริเตนใหญ่พร้อมด้วยปรัสเซียและนครรัฐเล็กน้อยในเยอรมันกับอีกข้างหนึ่งที่นำด้วยฝรั่งเศสพร้อมด้วยจักรวรรดิออสเตรีย,จักรวรรดิรัสเซีย,สวีเดน และซัคเซินโดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงครามวันที่17 พฤษภาคม ค.ศ. 1756 – 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1763 (6 ปี8เดือน4สัปดาห์1วัน)
-
สงครามปฏิวัติในสหรัฐ เป็นการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างบริเตนใหญ่และสิบสามอาณานิคมอเมริกาเหนือซึ่งหลังสงครามเปิดฉากประกาศอิสรภาพเป็นสหรัฐอเมริกาวันที่ 19 เมษายน 1775 – 3 กันยายน 1783(8 ปี 4 เดือน 15 วันสัตยาบันมีผล: 12 พฤษภาคม 1784สนธิสัญญาสันติภาพกรุงปารีส (ค.ศ. 1783)บริเตนใหญ่รับรองเอกราชของสหรัฐอเมริกาการสิ้นสุดของจักรวรรดิบริติชที่หนึ่งสมาพันธ์อิระควอยแตก
ดินแดนเปลี่ยนแปลงบริเตนใหญ่ยกพื้นที่ทางตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี และทางใต้ของเกรตเลกส์และแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์ให้สหรัฐบริเตนใหญ่ยกอีสต์ฟลอริดา -
เป็นหนึ่งในความขัดแย้งทางทหารที่แผ่กระจายอย่างกว้างขวางอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ค.ศ.1792 ถึง ค.ศ. 1802 และเป็นผลที่เกิดมาจากการปฏิวัติฝรั่งเศส โดยฝรั่งเศสต้องต่อสู้รบกับบริเตน ออสเตรีย ปรัสเซีย รัสเซีย และระบอบกษัตริย์อื่น ๆ อีกมายมาย พวกเขาได้แบ่งออกเป็นสองช่วงเวลาสงครามสหสัมพันธมิตรครั้งที่หนึ่ง(ค.ศ.1792-97) และสงครามสหสัมพันธมิตรครั้งที่สอง(ค.ศ.1798-1802)ในช่วงแรกจำกัดได้เพียงเฉพาะยุโรปการสู้รบก็ค่อยๆเสแสร้งว่าได้ขยายขนาดไปทั่วโลก ภายหลังจากทศวรรษของการทำสงครามอย่างต่อเนื่องและการทูตที่ดุเดือด
-
เป็นส่วนหนึ่งของสงครามปฏิวัติฝรั่งเศสที่เกิดขึ้ระหว่าง ค.ศ. 1793 ถึง ค.ศ. 1797 ที่เป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายมหาอำนาจพันธมิตรยุโรปโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะควบคุมอำนาจของฝรั่งเศส สงครามครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการเริ่มต้นของสงครามปฏิวัติฝรั่งเศสสถานที่ฝรั่งเศส, ยุโรปกลาง, อิตาลี, เบลเยียม,เนเธอร์แลนด์,สเปน, แคริบเบียน
ผล ฝรั่งเศสได้รับชัยชนะ, สนธิสัญญาแคมโปฟอร์มิโอ -
-
ค.ศ.1798-1802เป็นสงครามครั้งที่สองต่อการปฏิวัติฝรั่งเศสโดยประเทศระบอบกษัตริย์ในทวีปยุโรป นำโดยบริเตน ออสเตรีย และรัสเซีย และรวมทั้งจักรวรรดิออตโตมัน โปรตุเกส เนเปิลส์ ราชวงศ์ต่างๆของเยอรมัน และสวีเดน เป้าหมายของพวกเขาคือทำการจำกัดวงขยายตัวของสาธารณรัฐฝรั่งเศสและเพื่อฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ในฝรั่งเศส พวกเขาได้ล้มเหลวในการโค่นล้มระบอบการปกครองของฝ่ายปฏิวัติและฝรั่งเศสได้รับดินแดน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1793 ซึ่งได้รับการยืนยัน ในสนธิสัญญาลูว์เนวีล
-
-
ค.ศ. 1803 – 1815) เป็นหนึ่งในความขัดแย้งที่สำคัญในระดับโลกที่เกิดขึ้นระหว่างจักรวรรดิฝรั่งเศสและพันธมิตร ซึ่งนำโดยจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ต่อกรกับรัฐต่าง ๆ ในยุโรปที่ดูผันผวนซึ่งได้รวมตัวกันเป็นพันธมิตรที่หลากหลาย ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินและนำโดยสหราชอาณาจักร และทำให้เกิดช่วงเวลาที่ฝรั่งเศสปกครองเหนือยุโรปภาคพื้นทวีปเป็นส่วนใหญ่ สงครามครั้งนี้เกิดจากข้อพิพาทที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติฝรั่งเศส
-
เป็นสงครามในทวีปยุโรประหว่างปี ค.ศ. 1803 ถึง 1806 ฝรั่งเศสและพันธมิตรที่นำโดยนโปเลียน โบนาปาร์ต สามารถมีชัยเหนือกองทัพฝ่ายประสานมิตรที่นำโดยจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และจักรวรรดิรัสเซียได้วันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 1805 – 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1806
(1 ปี 3 เดือน)สนธิสัญญาเพร็สบวร์คจักรวรรดิฝรั่งเศสมั่นคงมากขึ้นสถาปนาสมาพันธรัฐแห่งแม่น้ำไรน์ฝรั่งเศสพิชิตนาโปลีจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ล่มสลายอังกฤษยืนยันอำนาจสูงสุดของกองทัพเรือสถาปนาสหสัมพันธมิตรที่สี่ภายใน -
เป็นสงครามในปีค.ศ. 1806 ถึง 1807 ระหว่างฝ่ายสหสัมพันธมิตรที่นำโดยปรัสเซียและรัสเซียเพื่อต่อต้านการเรืองอำนาจของนโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งฝรั่งเศสกำลังอยู่ในช่วงฮึกเหิมหลังจากพึ่งมีชัยในสงครามสหสัมพันธมิตรครั้งที่สาม สงครามครั้งนี้จบลงที่นโปเลียนชนะฝ่ายสหสัมพันธมิตรอย่างขาดลอย ทำให้ปรัสเซียต้องสูญเสียดินแดนกว่าครึ่งหนึ่งแก่ฝรั่งเศส และทำให้รัสเซียหันมาจับมือเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1806 – 9 กรกฎาคม ค.ศ. 1807
(9 เดือน)สนธิสัญญาทิลซิทสนธิสัญญาปอซนัญ -
เป็นสงครามในปีค.ศ. 1809 ระหว่างฝ่ายสหสัมพันธมิตรจักรวรรดิออสเตรียร่วมกับสหราชอาณาจักร เพื่อต่อต้านการแผ่อำนาจของจักรวรรดิฝรั่งเศสที่หนึ่งและรัฐบริวารซึ่งนำโดยจักรพรรดินโปเลียน ซึ่งการปะทะส่วนใหญ่ในสงครามนี้เป็นการปะทะระหว่างกองกำลังออสเตรียกับฝรั่งเศส ซึ่งการปะทะเกิดขึ้นทั้งทวีปยุโรปตอนกลางตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกรกฎาคม ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากแก่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งในขณะเดียวกัน อังกฤษก็เข้ามามีส่วนร่วมในความขัดแย้งครั้งนี้ด้วย
-
เป็นการผนึกกำลังระหว่างออสเตรีย, ปรัสเซีย, รัสเซีย, สหราชอาณาจักร, โปรตุเกส, สวีเดน, สเปน และรัฐเยอรมันอีกหลาย ๆ รัฐ เข้าต่อสู้และมีชัยเหนือฝรั่งเศสซึ่งนำโดยจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 และเนรเทศนโปเลียนไปยังเกาะเอลบา สงครามนี้เริ่มขึ้นหลังจากที่กองทัพนโปเลียนพ่ายแพ้อย่างพินาศย่อยยับในการรุกรานรัสเซีย มหาอำนาจยุโรปอย่างสหราชอาณาจักร, โปรตุเกส และฝ่ายกบฏในสเปนต่างพากันเข้าร่วมกับรัสเซียในการสยบนโปเลียน สามารถไล่ทหารของนโปเลียนออกจากเยอรมนีได้ในปี ค.ศ. 1813 และเริ่มรุกรานเข้าสู่ฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1814
-
เป็นช่วงเวลาที่เริ่มตั้งแต่เมื่อจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 หนีจากเกาะเอลบาขึ้นสู่แผ่นดินยุโรป เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1815 จนถึงการฟื้นฟูราชวงศ์บูร์บง เป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1815 (เป็นเวลารวมทั้งสิ้น 111 วัน)[3]วันที่ 20 มีนาคม – 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1815
(110 วัน)ฝ่ายสหสัมพันธมิตรชนะสนธิสัญญาปารีสฉบับที่สองสงครามนโปเลียนยุติเนรเทศนโปเลียนครั้งที่สอง (ไปยังเกาะเซนต์เฮเลนา) และฟื้นฟูราชวงศ์บูร์บงครั้งที่สองเริ่มต้นความร่วมมือแห่งยุโรปจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 เสด็จกลับมายังปารีส -
สงครามเจี๋ยอู่เป็นสงครามระหว่างจักรวรรดิชิงกับจักรวรรดิญี่ปุ่นเพื่อครอบครองคาบสมุทรเกาหลี สงครามนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของราชวงศ์ชิง และการประสบผลสำเร็จของญี่ปุ่นที่พัฒนาชาติให้ทันสมัยตามแบบชาติตะวันตกซึ่งเริ่มมาตั้งแต่จักรพรรดิเมจิขึ้นครองราชย์ส่งผลให้อิทธิพลของราชวงศ์ชิงเสื่อมถอยลงจนนำไปสู่การปฏิวัติในปี ค.ศ. 1911วันที่1สิงหาคม ค.ศ. 1894 - 17 เมษายน ค.ศ. 1895สถานที่
เกาหลี, แมนจูเรีย, เกาะไต้หวัน, ทะเลเหลืองผล ญี่ปุ่นได้รับชัยชนะ -
เป็นสงครามโลกที่กินเวลาตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1914 ถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ซึ่งเป็นความขัดแย้งกันระหว่างสองขั้วมหาอำนาจพันธมิตร ได้แก่ ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายมหาอำนาจกลาง โดยการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายดำเนินขึ้นในทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา แปซิฟิก และพื้นที่บางส่วนของทวีปเอเชีย เป็นหนึ่งในสงครามที่มีความสูญเสียมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนทหารที่เสียชีวิต 9 ล้านนาย และบาดเจ็บ 23 ล้านนาย รวมทั้งพลเรือนที่เสียชีวิตจากสาเหตุอื่นอีก5 ล้านคน ในช่วงสงครามมีการกระทำฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ
-
สนธิสัญญาลับระหว่างอิตาลีกับฝ่ายไตรภาคีลงนามในกรุงลอนดอนเมื่อวันที่26เมษายนค.ศ.1915โดยราอาณาจักรอิตาลีสหราชอาณาจักรฝรั่งเศสและรัสเซียตามข้อความในสนธิสัญญาอิตาลีจะออกจากฝ่ายไตรพันธมิตรแล้วเข้าร่วมกับฝ่ายไตรภาคีแทนซึ่งระบุไว้แล้วในความตกลงลับที่ลงนามในกรุงลอนดอนเมื่อวันที่4-5กันยายนค.ศ.1914ยิ่งไปกว่านั้นอิตาลีจะต้องประกาศสงครามต่อจักรวรรดิเยอรมันและออสเตรีย-ฮังกาภายในหนึ่งเดือน(อิตาลีไม่สามารถประกาศสงครามกับเยอรมนีได้ทันเวลาโดยประกาศสงครามในค.ศ.1916) อิตาลียังจะได้รับดินแดนเพิ่มเติมเมื่อสงครามยุติ
-
(ค.ศ.1917–1923)เป็นช่วงเวลาของการปฏิวัติทางการเมืองและทางสังคม ที่เกิดขึ้นบนอดีตจักรวรรดิรัสเซียเดิม และเริ่มต้นขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งเริ่มต้นในค.ศ.1917ด้วยการล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟ และสิ้นสุดลงในค.ศ.1923โดยการสถาปนาสหภาพโซเวียตโดยบอลเชวิค (เมื่อสงครามกลางเมืองรัสเซียสิ้นสุดลง) การปฏิวัติรัสเซียเกิดขึ้น 2 ครั้ง คือ การปฏิวัติครั้งแรกเป็นการล้มล้างรัฐบาลจักรวรรดิที่นำโดยจักรพรรดินีโคไลที่ 2 และการปฏิวัติครั้งที่สอง เป็นการล้มล้างอำนาจของรัฐบาลเฉพาะกาลและแทนที่ด้วยอำนาจของบอลเชวิค
-
ชื่ออย่างเป็นทางการในเอกสารสมัยโซเวียตว่า การปฏิวัติสังคมนิยมแห่งเดือนตุลาคมอันยิ่งใหญ่และเรียกโดยทั่วไปว่าตุลาคมแดง, การลุกฮือเดือนตุลาคม หรือ การปฏิวัติบอลเชวิค เป็นการยึดอำนาจรัฐ ซึ่งมีความสำคัญส่วนหนึ่งของการปฏิวัติรัสเซีย ค.ศ. 1917 ลักษณะเหตุการณ์เป็นการก่อการกบฏด้วยอาวุธในกรุงเปโตรกราดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1917 เมื่อเรือลาดตระเวนอะวโรระยิงปืนใหญ่เพื่อบอกสัญญาณให้พวกบอลเชวิกยึดสถานที่สำคัญในเปโตรกราด
-
(7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1917 — 16 มิถุนายน ค.ศ. 1923) เป็นความขัดแย้งทางการเมืองที่ต่อสู้กันหลายฝ่ายในพื้นที่จักรวรรดิรัสเซียเดิม ซึ่งเหตุการณ์เริ่มต้นจากการล้มล้างอำนาจรัฐบาลชั่วคราวรัสเซียที่เป็นประชาธิปไตยสังคมนิยมในระหว่างการปฏิวัติเดือนตุลาคม โดยมีหลายฝ่ายที่ประสงค์จะแย่งชิงอำนาจเพื่อกำหนดอนาคตทางการเมืองของรัสเซีย ผลที่ตามมาจากความขัดแย้งนี้นำไปสู่การก่อตั้งสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซียและสหภาพโซเวียตในภายหลังในพื้นที่ส่วนใหญ่ของอดีตจักรวรรดิ
-
การระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่ (มกราคม ค.ศ. 1918 – ธันวาคม ค.ศ. 1920 หรือคำรู้จักว่าไข้หวัดใหญ่สเปน) เป็นการระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่ที่มีผู้เสียชีวิตมากผิดปกติ โดยเป็นโรคระบาดทั่วครั้งแรกจากสองครั้งที่เกี่ยวข้องกับไวรัสไข้หวัดใหญ่มีผู้ได้รับผลกระทบ 500 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งรวมหมู่เกาะแปซิฟิกห่างไกลและอาร์กติก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 40 ล้านคน ทำให้เป็นภัยพิบัติธรรมชาติที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
-
เป็นชื่ออย่างไม่เป็นทางการที่ใช้เรียกประเทศเยอรมนีในยุคสาธารณรัฐระหว่างปีค.ศ. 1918 ถึง 1933 ชื่อของสาธารณรัฐนั้นตั้งตามชื่อเมืองไวมาร์ ที่ซึ่งรัฐสภาได้ประชุมกันเพื่อเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หลังจากจักรวรรดิเยอรมันล่มสลายลงหลังพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ส่วนชื่ออย่างเป็นทางการของสาธารณรัฐไวมาร์คือ ไรช์เยอรมันซึ่งใช้มาตั้งแต่ยุคจักรวรรดิ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ได้ยกเลิกอภิสิทธิของขุนนางเยอรมนีทิ้ง ลูกหลานของขุนนางเยอรมนีไม่สามารถสืบตำแหน่งได้อีกต่อไป สืบได้เพียงทรัพย์สินและนามสกุลเท่านั้น
-
เป็นสนธิสัญญาสันติภาพที่ลงนามเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 1918 ระหว่างรัฐบาลบอลเชวิคใหม่แห่งโซเวียตรัสเซียกับฝ่ายมหาอำนาจกลาง (เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี บัลแกเรียและจักรวรรดิออตโตมัน) ซึ่งยุติการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่งของรัสเซีย มีการลงนามสนธิสัญญาที่เบรสท์-ลีตอฟสก์ (หลัง ค.ศ. 1945 ชื่อ เบรสต์) หลังการเจรจาสองเดือน สนธิสัญญาบังคับต่อรัฐบาลบอลเชวิคโดยกองทัพเยอรมันและออสเตรียขู่รุกเพิ่ม ตามสนธิสัญญา โซเวียตรัสเซียสละข้อผูกมัดทั้งหมดของจักรวรรดิรัสเซียต่อพันธมิตรไตรภาคี
-
เป็นสงครามกลางเมืองในจักรวรรดิเยอรมันในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายมหาอำนาจกลาง ซึ่งได้ส่งผลทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญมาเป็นระบอบสาธารณรัฐ (ประชาธิปไตยในระบบสภาเดี่ยว) ซึ่งเวลาต่อมาได้กลายเป็นที่รู้จักกันคือ สาธารณรัฐไวมาร์ การปฏิวัติได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918 จนถึง เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1919 หลังรัฐธรรมนูญแห่งไวมาร์ถูกประกาศใช้
-
ค.ศ. 1919 เป็นการประชุมของฝ่ายสัมพันธมิตรผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เพื่อตั้งเงื่อนไขสันติภาพแก่ฝ่ายมหาอำนาจกลางผู้แพ้หลังการสงบศึกเมื่อ ค.ศ. 1918การประชุมมีขึ้นในกรุงปารีส ใน ค.ศ. 1919 และมีนักการทูตจากประเทศและชาติกว่า32ประเทศเข้าร่วม พวกเขาพบปะและถกทางเลือกต่าง ๆ และพัฒนาชุดสนธิสัญญา ("สนธิสัญญาสันติภาพกรุงปารีส") สำหรับโลกหลังสงคราม สนธิสัญญาเหล่านี้เปลี่ยนแปลงแผนที่ยุโรปด้วยพรมแดนและประเทศใหม่ ๆและกำหนดความรับผิดในอาชญากรรมสงครามตลอดจนบทลงโทษทางการเงินที่เข้มงวดต่อเยอรมนีจักรวรรดิอาณานิคม
-
19 พฤษภาคม ค.ศ. 1919 – 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1923) เป็นการสู้รบกันระหว่างขบวนการแห่งชาติตุรกีกับตัวแทนฝ่ายสัมพันธมิตร - คือ กรีซบนแนวรบด้านตะวันตก อาร์มีเนียทางด้านตะวันออก ฝรั่งเศสทางตอนใต้ พวกนิยมกษัตริย์และผู้ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนในเมืองต่างๆ และสหราชอาณาจักรและอิตาลีในกรุงอิสตันบูล – ภายหลังจากส่วนต่างๆ ของจักรวรรดิออตโตมันได้ถูกยึดครองและแบ่งแยกภายหลังจากความปราชัยของออตโตมันในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง มีทหารฝ่ายยึดครองอย่างบริติซ ฝรั่งเศส และอิตาลีเพียงไม่กี่คนที่กรีฑาทัพหรือเข้าร่วมการสู้รบ
-
สนธิสัญญาแวร์ซายเป็นสนธิสัญญาสันติภาพฉบับสำคัญที่สุดที่ยุติสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจัดทำขึ้นเมื่อวันที่28มิถุนายนค.ศ.1919ณพระราชวังแวร์ซายกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสซึ่งเป็นการยุติสถานะสงครามระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรและจักรวรรดิเยอรมัน ซึ่งเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งส่วนกลุ่มประเทศฝ่ายมหาอำนาจกลางอื่น ๆมีการตกลงยกเลิกสถานภาพสงครามด้วยสนธิสัญญาฉบับอื่น แม้จะได้ลงนามสงบศึกตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 แล้วก็ตาม การประชุมสันติภาพที่กรุงปารีสกินเวลานานกว่าหกเดือน จึงได้มีการสรุปสนธิสัญญาฯ
-
เป็นสนธิสัญญาที่ลงนามเมื่อวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 1919 โดยพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งผู้เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะในสงคราม กับสาธารณรัฐออสเตรียอีกฝ่ายหนึ่ง สนธิสัญญานี้ก็เช่นเดียวกับสนธิสัญญาแวร์ซายกับจักรวรรดิเยอรมันที่เป็นสนธิสัญญาที่มีเนื้อหาที่ร่างโดยสันนิบาตชาติ และผลก็มิได้รับการรับรองจากสหรัฐอเมริกา
-
เป็นองค์การระหว่างรัฐบาลทั่วโลกแห่งแรกที่มีภารกิจหลักในการปกป้องสันติภาพของโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1920 ภายหลังจากการประชุมสันติภาพปารีส ซึ่งสงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้ยุติลง ในปี ค.ศ. 1919 วูดโรว์ วิลสัน ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจากบทบาทของเขาในฐานะผู้ก่อตั้งสันนิบาต
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4 -
เป็นสนธิสัญญาที่จัดทำขึ้นในการประชุมสันติภาพปารีสและลงนาม ณ พระราชวังกร็องทรียานงที่เมืองแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันที่4 มิถุนายน ค.ศ.1920ซึ่งถือเป็นการยุติสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอย่างเป็นทางการ ระหว่างประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรส่วนใหญ่และราชอาณาจักรฮังการีนักการทูตฝ่ายฝรั่งเศสมีบทบาทสำคัญในการร่างสนธิสัญญา
อ่านเพิ่มเติม
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%87 -
เป็นสนธิสัญญาสันติภาพซึ่งลงนามในโลซาน ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1923 อันยุติสถานะสงครามซึ่งมีอยู่ระหว่างประเทศตุรกีและฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นับแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเริ่มขึ้น อย่างเป็นทางการ สนธิสัญญานี้เป็นผลแห่งความพยายามเจรจาสันติภาพครั้งที่สองหลังสนธิสัญญาเวเวร์
อ่านเพิ่มเติม
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%99 -
เป็นหน่วยงานราชการเพื่อการกำกับดูแลระบบค่ายแรงงานสหภาพโซเวียต ถูกจัดตั้งโดย วลาดีมีร์ เลนิน และถึงจุดสูงสุดในช่วงการปกครองของ โจเซฟ สตาลิน ระหว่างทศวรรษที่ 1930 ถึงต้นทศวรรษที่ 1950 ผู้พูดภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า gulag ในการกล่าวถึงค่ายบังคับแรงงานสหภาพโซเวียต
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81 -
เป็นความขัดแย้งตามแนวชายแดนโดยที่ไม่ได้ประกาศสงครามต่อกันซึ่งเป็นการสู้รบระหว่างสหภาพโซเวียตและญี่ปุ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1932 ถึง ค.ศ. 1939
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%95%E2%80%93%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99 -
นาซีเยอรมนีได้จัดตั้งค่ายกักกันขึ้นตลอดดินแดนยึดครองของตน ค่ายกักกันนาซีในช่วงแรก ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากในเยอรมนีภายหลังเหตุการณ์เพลิงไหม้รัฐสภาไรช์สทัก ในปี ค.ศ. 1933 โดยตั้งใจที่จะคุมขังนักโทษการเมืองและผู้ต่อต้านรัฐบาล ค่ายกักกันดังกล่าวได้เพิ่มจำนวนขึ้นอีกในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B5 -
เป็นความขัดแย้งทางทหารที่เป็นการสู้รบหลักระหว่างสาธารณรัฐจีนและจักรวรรดิญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1937 ถึงวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945 จุดเริ่มด้วยเหตุการณ์ ณ สะพานมาร์โค โปโลในปี
อ่านเพิ่มเติมที่นี่
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E2%80%93%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87 -
เป็นการสังหารหมู่และการข่มขืนกระทำชำเรายามสงคราม ซึ่งเกิดขึ้นเป็นเวลาหกสัปดาห์หลังญี่ปุ่นยึดนครหนานจิง อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐจีน เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 1937 ระหว่างสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง
อ่านเพิ่มเติมที่นี่
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%87 -
เป็นสงครามทั่วโลกที่กินเวลาตั้งแต่ค.ศ.1939ถึง1945ประเทศส่วนใหญ่ในโลกมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งรัฐมหาอำนาจทั้งหมดแบ่งเป็นพันธมิตรทางทหารคู่สงครามสองฝ่าย เป็นสงครามที่กว้างขวางที่สุดในประวัติศาสตร์ มีทหารกว่า100ล้านนายจากกว่า30 ประเทศเข้าร่วมโดยตรงสงครามนี้มีลักษณะเป็น"สงครามเบ็ดเสร็จ"คือประเทศผู้ร่วมสงครามหลักทุ่มขีดความสามารถประเมินกันว่าสงครามมีมูลค่าราว1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐประเมินกันว่ามีผู้เสียชีวิตระหว่าง 50ถึง85ล้านคนนับว่าเป็นสงครามขนาดใหญ่ที่สุดมีผู้เสียชีวิตสูงสุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
-
เป็นพันธุฆาตระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งนาซีเยอรมนีและผู้ให้การสนับสนุนท้องถิ่น ฆ่ายิวยุโรปประมาณหกล้านคนอย่างเป็นระบบ คิดเป็นสองในสามของประชากรยิวในทวีปยุโรป ระหว่างปี 1941 ถึง 1945 ยิวตกเป็นเป้าหมายการกำจัดโดยเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่ใหญ่กว่าระหว่างสมัยฮอโลคอสต์ ซึ่งเยอรมนีและผู้ให้การสนับสนุนบีฑาและฆ่ากลุ่มอื่น รวมทั้งชาวสลาฟ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C -
เป็นองค์การระหว่างรัฐบาลที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ การพัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประเทศ บรรลุความร่วมมือระหว่างประเทศ และเป็นศูนย์กลางสำหรับการประสานงานของการกระทำของชาติต่าง ๆเป็นองค์การระหว่างรัฐบาลที่มีขนาดใหญ่ ที่มีความรู้สึกคุ้นเคย เป็นตัวแทนในระดับสากลมากที่สุด และทรงอำนาจมากที่สุดในโลก
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4 -
เป็นชุดการพิจารณาคดีทางทหารที่ฝ่ายสัมพันธมิตรผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่สองเป็นผู้จัด มีจุดเด่นเป็นการฟ้องสมาชิกชั้นผู้ใหญ่ในคณะผู้นำทางการเมือง การทหาร และเศรษฐกิจของนาซีเยอรมนีซึ่งพ่ายสงคราม
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%84 -
เริ่มในอินโดจีนฝรั่งเศสเมื่อวันที่19ธันวาคมค.ศ.1946 และกินเวลาจนวันที่1สิงหาคมค.ศ.1954การสู้รบระหว่างกำลังฝรั่งเศสและคู่ต่อสู้เวียดมินห์ในทางใต้เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน ค.ศ. 1945 ความขัดแย้งนี้มีกำลังต่าง ๆ ซึ่งรวมกองทัพรบนอกประเทศภาคพื้นตะวันออกไกลฝรั่งเศสของสหภาพฝรั่งเศส ซึ่งมีฝรั่งเศสเป็นผู้นำ และมีกองทัพแห่งชาติเวียดนามของสมเด็จพระจักรพรรดิบ๋าว ดั่ยสนับสนุนต่อเวียดมินห์ซึ่งมีโฮจิมินห์เป็นผู้นำและกองทัพประชาชนเวียดนามซึ่งมีหวอ เงวียน ซ้าปเป็นผู้นำ การสู้รบส่วนใหญ่เกิดในตังเกี๋ยในเวียดนามเหนือ
-
เป็นช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกาและประเทศพันธมิตรจากทั้งกลุ่มตะวันออกและกลุ่มตะวันตก ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง นักประวัติศาสตร์ยังไม่ตกลงกันทั้งหมดว่าสงครามเย็นคือช่วงใดกันแน่ แต่ช่วงเวลาโดยทั่วไปดังกล่าวจะนับตั้งแต่การประกาศลัทธิทรูแมน ปี ค.ศ. 1947 (การประชุมที่มิลาน เริ่มตั้งแต่ปี 1945) จนกระทั่งการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1991 ด้วยลัทธิอำนาจทำลายล้างซึ่งกันและกัน ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการโจมตีล่วงหน้าโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
-
สงครามปลดปล่อยปิตุภูมิ25 เป็นสงครามระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี(เกาหลีเหนือ)และสาธารณรัฐเกาหลี(เกาหลีใต้)สงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่25 มิถุนายนค.ศ.1950เมื่อเกาหลีเหนือได้ส่งกองทัพเข้ารุกรานเกาหลีใต้ความล้มเหลวของเกาหลีเหนือในการบุกครองเกาหลีใต้ผลที่ตามมาคือความล้มเหลวของกองทัพสหประชาชาติภายใต้การนำโดยสหรัฐในการบุกครองเกาหลีเหนือผลที่ตามมาอีกครั้งคือความล้มเหลวของจีนและเกาหลีเหนือในการบุกครองเกาหลีใต้ความตกลงการสงบศึกเกาหลีได้ถูกลงนามในปีค.ศ.1953ความขัดแย้งในเกาหลียังคงดำเนินต่อไป
-
สงครามอเมริกา เป็นความขัดแย้งในเวียดนามลาวและกัมพูชาตั้งแต่วันที่1พฤศจิกายน 2498จนกรุงไซ่ง่อนถูกยึดเมื่อวันที่30เมษายนพ.ศ.2518เป็นสงครามอินโดจีนครั้งที่สองและเป็นการต่อสู้ระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้อย่างเป็นทางการเวียดนามเหนือได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตจีนและประเทศพันธมิตรฝ่ายลัทธิคอมมิวนิสต์อื่นเวียดนามใต้ได้รับการสนับสนุนโดยสหรัฐ เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย ไทย และประเทศพันธมิตรฝ่ายต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์อื่นสงครามตัวแทนในยุคสงครามเย็นซึ่งกินระยะเวลาถึง 19 ปี
-
(พ.ศ.2531–2534) เป็นกระบวนการของการสลายตัวภายในประเทศของสหภาพโซเวียต ซึ่งเริ่มต้นด้วยความไม่สงบที่เพิ่มมากขึ้นในสาธารณรัฐต่าง ๆ ซึ่งพัฒนาไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองและนิติบัญญัติอย่างต่อเนื่องระหว่างสาธารณรัฐต่าง ๆ กับรัฐบาลกลาง และสิ้นสุดลงเมื่อผู้นำของสามสาธารณรัฐหลัก (สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซีย สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครน และสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตเบียโลรัสเซีย) ได้ประกาศว่าสหภาพสิ้นสุดการดำรงอยู่ ร่วมกับอีกสิบเอ็ดสาธารณรัฐในเวลาต่อมา ส่งผลให้ประธานาธิบดี มีฮาอิล กอร์บาชอฟ
-
ใน ค.ศ. 1989 เป็นปีที่มีการรวมเยอรมนี และเป็นปีที่เกิดการปฏิวัติของประเทศคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก อีก 5 ประเทศ ได้แก่ โปแลนด์ ฮังการี เชโกสโสวะเกีย บัลแกเรีย และโรมาเนีย การปฏิวัติของทั้ง 5 ประเทศนั้นมาจากสาเหตุทางการเมืองที่ปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์ ที่เกิดจากการใช้กำลังบังคับและต้องอยู่ภายใต้การควบคุมจากสหภาพโซเวียต อย่างใกล้ชิด แต่ถ้าเกิดการปฏิรูปที่ขัดแย้งกับนโยบายของสหภาพโซเวียต ก็มักจะมีการปราบปรามอย่างรุนแรง
-
เป็นปฏิบัติการนำสู่การสั่งสมกำลังและการป้องกันของซาอุดีอาระเบียและปฏิบัติการพายุทะเลทราย (Operation Desert Storm, 17 มกราคม 2534 – 28 กุมภาพันธ์ 2534) ในระยะสู้รบ เป็นสงครามในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียระหว่างกำลังผสมจาก 34 ชาตินำโดยสหรัฐอเมริกาต่อประเทศอิรักหลังการบุกครองและผนวกคูเวตของอิรัก
-
เป็นสงครามกลางเมืองและความขัดแย้งนานาชาติที่เกิดขึ้นในประเทศซาอีร์ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกปัจจุบัน) ระหว่างค.ศ. 1996–1997 และยังลุกลามในประเทศซูดานและยูกันดา สงครามถึงจุดสูงสุดเมื่อกองกำลังต่างชาติบุกครองซาอีร์และแทนที่ประธานาธิบดีโมบูตู เซเซ เซโกด้วยโลร็อง-เดซีเร กาบีลา ผู้นำพันธมิตรกองทัพประชาธิปไตยเพื่อปลดปล่อยคองโก (AFDL) ต่อมาความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกาบีลากับพันธมิตรนำไปสู่สงครามคองโกครั้งที่สอง (ค.ศ. 1998–2003)วันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1996 – 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1997
(6 เดือน 3 สัปดาห์ 1 วัน) -
เป็นความขัดแย้งในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1998 ไม่นานหลังสงครามคองโกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุด และยุติในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2003 เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนผ่านสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกปกครองประเทศ สงครามคองโกครั้งที่สองเป็นสงครามที่มีชาติแอฟริกา 9 ชาติและกลุ่มติดอาวุธกว่า 25 กลุ่มเข้าร่วมนับถึงค.ศ. 2008 มีผู้เสียชีวิต 5.4 ล้านคนจากสงครามโดยสาเหตุหลักมาจากโรคภัยและความอดอยาก
-
เป็นคำที่ใช้ทั่วไปกับการทัพทางทหารระหว่างประเทศซึ่งเริ่มต้นอันเป็นผลมาจากวินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 ต่อสหรัฐ การทัพครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อกำจัดอัลกออิดะห์และองค์การก่อการร้ายอื่นๆ สหราชอาณาจักร ประเทศสมาชิกเนโทอื่นๆ และประเทศนอกกลุ่มเนโทเข้าร่วมในความขัดแย้งนี้ด้วยเช่นกันวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2544 - ปัจจุบัน
สถานที่
ทั่วโลก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตะวันออกกลาง บางส่วนของทวีปเอเชียและแอฟริกา ยุโรปและอเมริกาเหนือ) -
เป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศอิรักตั้งแต่วันที่20 มีนาคมพ.ศ.2546ด้วยการรุกรานอิรักโดยสหรัฐอเมริกาซึ่งมีประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุชเป็นผู้นำ และสหราชอาณาจักรซึ่งมีนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์เป็นผู้นำ สงครามคราวนี้อาจเรียกชื่ออื่นว่า การยึดครองอิรัก, สงครามอ่าวครั้งที่สอง หรือ ปฏิบัติการเสรีภาพอิรัก โดยทหารสหรัฐ สงครามครั้งนี้สหรัฐอเมริกาได้ประกาศให้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554 แม้ความรุนแรงประปรายยังมีต่อไปทั่วประเทศ(8ปี270วัน)
-
เป็นสงครามต่อเนื่องระหว่างรัสเซีย(พร้อมกับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซีย)และยูเครนมันถูกเริ่มต้นขึ้นโดยรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ภายหลังจากการปฏิวัติแห่งศักดิ์ศรีของยูเครน และจุดสำคัญในช่วงแรกไปที่สถานะของไครเมียและดอนบัส ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่าเป็นส่วนหนึ่งของยูเครน แปดปีแรกของความขัดแย้งครั้งนี้รวมไปถึงรัสเซียได้ผนวกรวมแหลมไครเมีย(ค.ศ. 2014) และสงครามในดอนบัส(ค.ศ. 2014–ปัจจุบัน)ระหว่างยูเครนและฝ่ายแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย ตลอดจนถึงอุบัติการณ์ทางเรือ