-
การตั้งถิ่นฐานในบริเวณลุ่มแม่น้ำไนล์, การพัฒนาในด้านการเกษตรและการสร้างชุมชน.
-
การตั้งถิ่นฐานและการพัฒนา
การตั้งถิ่นฐาน: มีการตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำไนล์, โดยเฉพาะในภาคเหนือของอียิปต์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เนื่องจากการท่วมของแม่น้ำไนล์. ชุมชนแรกเริ่มในช่วงนี้มักเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีการใช้เครื่องมือจากหินและการทำงานด้วยมือ.
การพัฒนาในด้านการเกษตร: การพัฒนาเทคนิคการเกษตร เช่น การปลูกข้าวบาร์เลย์และข้าวเจ้า, การใช้ระบบชลประทานเพื่อจัดการน้ำจากแม่น้ำไนล์ที่ท่วมถึง. การพัฒนาการเกษตรนี้ทำให้มีการเติบโตของประชากรและการพัฒนาชุมชน. -
การก่อตั้งอารยธรรมสุเมเรียนในเมโสโปเตเมีย (ระหว่างแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส) ซึ่งรวมถึงเมืองรัฐเช่น อูรุก (Uruk)
-
การก่อตั้งอารยธรรมสุเมเรียนในเมโสโปเตเมียเริ่มต้นประมาณปี 4500 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และมีการพัฒนาอย่างเต็มที่ในช่วงประมาณปี 3000 ก่อนคริสต์ศักราช (BC). สุเมเรียนสร้างเมืองรัฐต่าง ๆ เช่น อูรุก (Uruk), อูร์ (Ur), และคิช (Kish) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในด้านวรรณกรรม การค้า และการปกครอง เมืองเหล่านี้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบการเขียนที่สำคัญ เช่น การเขียนแบบคูนิฟอร์ม (cuneiform) ที่มีอิทธิพลต่ออารยธรรมในพื้นที่ดังกล่าว
-
การสร้างโลก - ตามตำนานของอายธรรมฮิบรู การสร้างโลกเริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 3760 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) ซึ่งถือเป็นปีที่ 1 ของอารยธรรมฮิบรู
-
ตามปฏิทินฮิบรู, การสร้างโลกถือว่าเริ่มขึ้นในปี 3760 BCE ซึ่งหมายถึงปี 1 ของอายธรรมฮิบรู โดยปีแรกของปฏิทินฮิบรูนั้นเริ่มในเดือนทีเชรี (Tishrei) ซึ่งประมาณช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมในปฏิทินเกรกอเรียน ดังนั้น ปี 1 ของอายธรรมฮิบรูจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 3760 BCE และสิ้นสุดในเดือนกันยายน-ตุลาคม 3759 BCE
-
ศาสนา
ระบบเทพเจ้า: เมโสโปเตเมียมีระบบเทพเจ้าที่มีความซับซ้อน โดยเทพเจ้าแต่ละองค์มีบทบาทและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น: เอ็นลิล (Enlil): เทพเจ้าแห่งลมและพายุ
เอ็นกิ (Enki): เทพเจ้าแห่งน้ำและความรู้
อิสตาร์ (Ishtar): เทพเจ้าแห่งความรักและสงคราม
มาร์ดุก (Marduk): เทพเจ้าแห่งเมืองบาบิโลน -
สกุลเงิน: ใช้เงินแท่งที่ทำจากทองแดง เงิน และเงินสินค้าคงคลัง
การค้า: การแลกเปลี่ยนสินค้าผ่านบาร์เทอร์ เช่น ข้าว และผลิตภัณฑ์จากการเกษต -
ศาสนาเมโสโปเตเมียเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 3,500 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อเริ่มมีการพัฒนาเมืองและการบันทึกทางการเขียน และยังคงมีอิทธิพลอย่างต่อเนื่องจนถึงการล่มสลายของอารยธรรมบาบิโลนในช่วงปลายศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล (539 ปีก่อนคริสตกาล) เทพเจ้าที่คุณกล่าวถึงมีบทบาทสำคัญในช่วงนี้เป็นเวลาหลายศตวรรษ.
-
ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำไทกริสและยูเฟรตีส ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิรัก
สกุลเงิน
เงินแท่ง: ใช้เงินแท่งที่ทำจากทองแดงและเงิน เพื่อการแลกเปลี่ยน โดยมีมาตรฐานน้ำหนักที่แน่นอน
เงินสินค้าคงคลัง: บางครั้งใช้วัตถุดิบที่มีค่า เช่น ข้าว และสัตว์เลี้ยงเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
ระบบการค้า
บาร์เทอร์: ระบบการแลกเปลี่ยนสินค้ามักเป็นวิธีการค้า เช่น การแลกเปลี่ยนข้าวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เครื่องปั้นดินเผา หรือเครื่องมือเกษตร
ตลาด: ตลาดท้องถิ่นเป็นศูนย์กลางการค้า ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนสินค้าจากผู้ผลิตและพ่อค้า -
1 ) การรวมชาติภายใต้ฟาโรห์เมเนส (ประมาณ 3100 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
2 ) การสร้างพีระมิด (ประมาณ 2580–2560 ปีก่อนคริสต์ศักราช) -
ศาสนาอารยธรรมอียิปต์โบราณมีลักษณะเป็นระบบศาสนาและความเชื่อที่ซับซ้อน ซึ่งมีผลกระทบต่อวัฒนธรรมและสังคมของอียิปต์ในหลายด้านศาสนาอียิปต์โบราณมีอิทธิพลอย่างมากต่ออารยธรรมและวัฒนธรรมของอียิปต์ และมีการบันทึกข้อมูลเหล่านี้ผ่านการประดิษฐ์และการเขียนที่ซับซ้อนซึ่งยังคงเป็นที่ศึกษาและเข้าใจจนถึงปัจจุบัน
-
สกุลเงิน: เงินตราที่ทำจากทองแดงและเหรียญเงินเริ่มมีในช่วงปลาย
การค้า: ใช้บาร์เทอร์เป็นหลัก โดยสินค้าเช่น ข้าวและวัสดุก่อสร้างถูกใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน -
1 ) การรวมชาติภายใต้ฟาโรห์เมเนส
ฟาโรห์เมเนส (หรือเนเมส) รวมอียิปต์ล่างและอียิปต์บนเข้าด้วยกันเป็นอาณาจักรเดียว ซึ่งเริ่มต้นยุคของอียิปต์โบราณที่มีการจัดการรวมศูนย์และการปกครองที่เป็นระเบียบ
2 ) การสร้างพีระมิด
การสร้างพีระมิดใหญ่ที่สุดในกิซ่าเริ่มต้นในช่วงของฟาโรห์คูฟู (Khufu) ซึ่งพีระมิดของคูฟู (Great Pyramid of Giza) เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณและแสดงถึงความก้าวหน้าในด้านการก่อสร้างและเทคโนโลยีของอียิปต์โบราณ -
- ความเชื่อหลัก: เทพเจ้าและเทพธิดา: ศาสนาอียิปต์ประกอบด้วยเทพเจ้าและเทพธิดาหลายองค์ เช่น ออซิริส (Osiris), อิสิส (Isis), รา (Ra), และโฮรัส (Horus) ซึ่งเป็นที่เคารพและบูชาอย่างมาก ระบบเทพเจ้า: เทพเจ้าของอียิปต์มักมีลักษณะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ เช่น เทพเจ้าอาเมน (Amun) ที่มีหัวเป็นแกะ เทพเจ้าเซธ (Set) ที่มีหัวเป็นสุกร เป็นต้น
-
สกุลเงิน
เงินตราทองแดงและเหรียญเงิน:
ในช่วงต้นของอารยธรรมอียิปต์ การค้าเน้นการแลกเปลี่ยนสินค้าเป็นหลัก โดยไม่มีระบบเงินตราที่เป็นมาตรฐาน
เมื่อเข้าสู่ยุคปลายของอารยธรรม การใช้เงินตราที่ทำจากทองแดงและเหรียญเงินเริ่มแพร่หลาย โดยเฉพาะในยุคที่มีการติดต่อกับอาณาจักรอื่นระบบการค้า
บาร์เทอร์:
ระบบการแลกเปลี่ยนสินค้าผ่านบาร์เทอร์ยังคงเป็นวิธีหลักในการทำธุรกิจ โดยผู้ค้าจะแลกเปลี่ยนสินค้ากันโดยตรง เช่น ข้าว, เครื่องปั้นดินเผา, และวัสดุก่อสร้าง
สินค้าเกษตรกรรม เช่น ข้าวและผัก เป็นที่นิยมใช้ในการแลกเปลี่ยน -
เงินเหรียญ: ใช้เงินเหรียญทองแดงในรูปแบบเหรียญกลมที่มีรูตรงกลาง
เงินกระดาษ: เริ่มมีการใช้เงินกระดาษในช่วงราชวงศ์ถังและซ่ง -
สกุลเงิน
เงินเหรียญทองแดง:
รูปแบบ: เหรียญทองแดงในสมัยโบราณมักมีรูตรงกลาง ทำให้สามารถใช้เชือกหรือสายเพื่อจัดเก็บและพกพาได้ง่าย
การใช้: เริ่มมีการผลิตตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉิน (Qin) โดยเหรียญเหล่านี้ถูกใช้ในตลาดเพื่อการแลกเปลี่ยนสินค้าต่างๆเงินกระดาษ:
เริ่มใช้: การใช้เงินกระดาษเริ่มต้นในช่วงราชวงศ์ถัง (Tang) และพัฒนาขึ้นอย่างมากในราชวงศ์ซ่ง (Song)ระบบการค้า
ตลาด: การค้าในเมืองและตลาดท้องถิ่นมีความสำคัญ โดยผู้คนสามารถแลกเปลี่ยนสินค้าหลายประเภท เช่น ข้าว, เครื่องปั้นดินเผา และผ้า -
(อารยธรรมโมเฮนโจ-ดาโร)
การพัฒนาเมืองใหญ่และระบบการค้า -
อารยธรรมโมเฮนโจ-ดาโร (Indus Valley Civilization) หรือที่เรียกกันว่าอารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ เป็นหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก พัฒนาการเมืองใหญ่และระบบการค้าในช่วงประมาณ 2600-1900 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) ช่วงเวลานี้รวมถึงช่วงที่เมืองสำคัญเช่น โมเฮนโจ-ดาโร และฮารัปปา เจริญรุ่งเรือง มีระบบการจัดการที่ซับซ้อนและการค้าขายที่กว้างขวางกับพื้นที่อื่นๆ ในภูมิภาค.
-
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ (Indus Valley Civilization) ซึ่งเป็นหนึ่งในอารยธรรมเมืองแรก ๆ
-
อารยธรรมอียิปต์โบราณ
พิธีศพ: การมummification และการจัดงานศพเพื่อให้วิญญาณเข้าสู่ชีวิตหลังความตาย.
เทศกาลที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยว: เช่น เทศกาล “โอซิริส” เพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวและความอุดมสมบูรณ์. -
พิธีกรรมทางศาสนา: การบูชาเทพเจ้าในวัด, การถวายเครื่องบูชา.
การเฉลิมฉลองปีใหม่: เทศกาล “นาเวย์” (New Year) ที่มีการจัดพิธีกรรมเพื่อขอพรจากเทพเจ้า. -
อารยธรรมจีนโบราณ
เทศกาลตรุษจีน: การเฉลิมฉลองปีใหม่ตามปฏิทินจีน, การไหว้บรรพบุรุษ.
พิธีกรรมการเคารพบรรพบุรุษ: การทำพิธีเพื่อแสดงความเคารพและขอบคุณบรรพบุรุษ. -
อารยธรรมอินเดียโบราณ
เทศกาลฮินดู: เช่น “ดีปาวาลี” (Diwali) หรือ “เทศกาลแสงสว่าง” เพื่อเฉลิมฉลองความดีชนะความชั่ว.
พิธีกรรมทางศาสนา: การบูชาพระเจ้าผ่านพิธีกรรมและการสวดมนต์. -
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ (Indus Valley Civilization)
พื้นที่: ตั้งอยู่ในพื้นที่ปัจจุบันของปากีสถานและทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย รวมถึงเมืองสำคัญเช่น ฮารัปปา (Harappa) และโมเฮนโจดาโร (Mohenjo-Daro)
ลักษณะ: เป็นอารยธรรมเมืองที่มีการวางผังเมืองอย่างเป็นระเบียบ มีระบบการระบายน้ำที่ซับซ้อนและการจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ
เศรษฐกิจ: การค้าและเกษตรกรรมเป็นพื้นฐานสำคัญ มีการทำการค้ากับอารยธรรมอื่น ๆ เช่น อียิปต์และเมโสโปเตเมีย
การเขียน: มีการใช้ระบบการเขียนที่ยังไม่ถูกถอดรหัสอย่างสมบูรณ์ -
- พิธีกรรมทางศาสนา การบูชาเทพเจ้าในวัด: เมโสโปเตเมียมีการสร้างวัดที่เรียกว่า ซิกูรัต (Ziggurat) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาและสังคม วัดใช้เป็นที่สำหรับการบูชาและสวดมนต์เพื่อขอพรจากเทพเจ้า เช่น เทพเจ้าอันลาม (Anu), เทพเจ้ามาร์ดุก (Marduk)
- การเฉลิมฉลองปีใหม่ เทศกาลนาเวย์ (New Year): เทศกาลนี้มีชื่อเรียกว่า "อากู" (Akitu) ซึ่งจัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ มักจะมีการจัดพิธีกรรมเพื่อขอพรจากเทพเจ้าสำหรับปีใหม่ โดยเฉพาะเทพเจ้ามาร์ดุก กิจกรรมประกอบด้วยการเดินขบวน, การแสดงละคร, และพิธีกรรมต่างๆ
-
- พิธีศพ การมummification: เป็นกระบวนการอนุรักษ์ศพเพื่อให้วิญญาณสามารถกลับมาสู่ร่างได้ในชีวิตหลังความตาย โดยจะมีการนำอวัยวะภายในออกและบรรจุในภาชนะพิเศษ (Canopic jars) ใช้เวลานานในการเตรียมและมีการใช้สารเคมีเช่น นัตรอน (natron) เพื่อดูดซับความชื้นจากร่างกาย
- เทศกาลที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยว เทศกาล “โอซิริส”: เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวและความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวของข้าวสาลี โอซิริสเป็นเทพเจ้าที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและการฟื้นคืนชีพ
-
เทศกาลตรุษจีน
ตรุษจีนเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ตามปฏิทินจีน ซึ่งมักจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยการเฉลิมฉลองนี้มักมีการรวมญาติ การทำอาหารพิเศษ และการจุดประทัดเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย การไหว้บรรพบุรุษ
ในวันตรุษจีน ครอบครัวจะทำพิธีไหว้บรรพบุรุษเพื่อแสดงความเคารพและขอบคุณ โดยการจัดโต๊ะอาหารที่มีของโปรดของบรรพบุรุษ การจุดธูป และการถวายกระดาษเงินกระดาษทอง ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงกับความเชื่อในเรื่องจิตวิญญาณ -
เทศกาลฮินดู: ดีปาวาลี (Diwali)
ดีปาวาลี หรือ "เทศกาลแสงสว่าง" เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดในศาสนาฮินดู จัดขึ้นในเดือนตุลาคม (ตามปฏิทินเกรกอเรียน) เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของความดีเหนือความชั่ว การเฉลิมฉลองประกอบด้วยการจุดประทีป การจุดไฟworks และการสวดมนต์เพื่อขอพรจากพระเจ้า
พิธีกรรมทางศาสนา
พิธีกรรมทางศาสนาในศาสนาฮินดูมีความสำคัญต่อการบูชาพระเจ้า มักประกอบด้วยการทำพิธีบูชา (Puja) ซึ่งรวมถึงการสวดมนต์ การถวายดอกไม้ อาหาร และเครื่องหอมต่างๆ การบูชานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงความเคารพและขอพรจากพระเจ้า -
การรวมตัวของรัฐโดยซาร์กอนมหาราช
-
การรวมตัวของรัฐโดยซาร์กอนมหาราช (Sargon of Akkad) เกิดขึ้นในช่วงประมาณ 2334–2279 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE). ซาร์กอนเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรอาคคาเดียน (Akkadian Empire) และได้รวมเมือง-รัฐต่างๆ ในเมโสโปเตเมียให้เป็นอาณาจักรเดียวกัน, ทำให้เขามีอิทธิพลอย่างกว้างขวางในภูมิภาคนั้น.
-
สมัยราชวงศ์เซี่ย (Xia Dynasty) ซึ่งมีความสำคัญในเรื่องการพัฒนาและสร้างระบบการปกครอง
-
สมัยราชวงศ์เซี่ย (Xia Dynasty) เริ่มต้นประมาณปี 2070 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และสิ้นสุดประมาณปี 1600 ก่อนคริสต์ศักราช (BC). ราชวงศ์เซี่ยถือเป็นราชวงศ์แรกของจีนที่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์และมีความสำคัญในการพัฒนาระบบการปกครองและการจัดระเบียบสังคมในยุคโบราณของจีน
-
การรวมอียิปต์หลังจากช่วงความวุ่นวาย
-
การรวมอียิปต์หลังจากช่วงความวุ่นวายในสมัยอียิปต์กลางเริ่มต้นเมื่อประมาณปี 2040 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) โดยพระนามของฟาโรห์เมนเทห์ (Mentuhotep II) จากราชวงศ์ที่ 11 ซึ่งนำความสงบสุขกลับมาสู่ประเทศอียิปต์ หลังจากนั้นเป็นต้นไป อียิปต์เข้าสู่ช่วงการรวมตัวและความเจริญรุ่งเรืองในสมัยอียิปต์กลาง (Middle Kingdom) ที่ดำเนินต่อเนื่องจนถึงประมาณปี 1782 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE).
-
การตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าฮิบรูในแผ่นดินคานาอัน
-
ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์
ภูมิภาค: อาณาจักรมายามีภูมิประเทศหลากหลาย ตั้งแต่ป่าฝนเขตร้อนถึงที่ราบสูง
การก่อตั้ง: อารยธรรมนี้เริ่มพัฒนาขึ้นในช่วงประมาณ 2000 ปีก่อนคริสตกาล และมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วง 250–900 ค.ศ. -
การตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าฮิบรูในแผ่นดินคานาอันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับตำนาน
ประมาณ 2000-1800 ปีก่อนคริสตกาล: เป็นช่วงที่มีการอพยพและการตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าฮิบรูในแผ่นดินคานาอันตามตำนานทางศาสนา ซึ่งมีหลักฐานทางโบราณคดีบางประการที่สนับสนุนช่วงเวลาดังกล่าว แม้จะไม่มีหลักฐานที่เฉพาะเจาะจงในการระบุปีที่แน่นอน
การอพยพและการตั้งถิ่นฐานนี้รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การเดินทางของอับราฮัมจากยูร์ (Ur) ไปยังแผ่นดินคานาอัน และการสร้างฐานที่มั่นในพื้นที่ดังกล่าว -
อารยธรรมมายา: ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์
1. ภูมิศาสตร์
ภูมิภาค: อาณาจักรมายาตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ปัจจุบันคือเม็กซิโกตอนใต้, กัวเตมาลา, เบลีซ, ฮอนดูรัส, และเอลซัลวาดอร์
ลักษณะภูมิประเทศ:
ป่าฝนเขตร้อน: มีความชื้นสูงและอุดมสมบูรณ์ ทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ
การเริ่มพัฒนา: อารยธรรมมายาเริ่มขึ้นประมาณ 2000 ปีก่อนคริสตกาล โดยเป็นการรวมกลุ่มของชนเผ่าที่มีการเกษตรและตั้งถิ่นฐาน
การพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว:
ในช่วง 250–900 ค.ศ. อารยธรรมมายาเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก มีการสร้างเมืองใหญ่, ระบบการปกครอง -
1 ) กฎหมายฮัมมูราบิ (ประมาณ 1754 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
2 ) การตกเป็นอาณาจักรของเปอร์เซียในปี 539 ปีก่อนคริสต์ศักราช -
1.) กฎหมายฮัมมูราบิ (Code of Hammurabi) ประมาณปี 1754 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) เป็นกฎหมายที่ถูกตราขึ้นในสมัยของฮัมมูราบิ (Hammurabi) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในระบบกฎหมายที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของเมโสโปเตเมีย
2.) การตกเป็นอาณาจักรของเปอร์เซีย เริ่มต้นเมื่อปี 539 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) เมื่อไซรัสมหาราช ของอาณาจักรเปอร์เซียยึดครองบาบิโลน การปกครองของเปอร์เซียในบาบิโลนดำเนินต่อไปจนถึงการล่มสลายของจักรวรรดิเพอร์เซียในปี 331 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) เมื่อถูกพิชิตโดยอเล็กซานเดอร์มหาราช. -
สมัยราชวงศ์ชาง (Shang Dynasty) ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีในการหลอมโลหะ
-
ยุคมิคีนี (Mycenaean Period) เป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของอารยธรรมกรีกโบราณ ซึ่งเริ่มประมาณปี 1600 ก่อนคริสต์ศักราช (BCE) และสิ้นสุดประมาณปี 1100 BCE
-
ศาสนาและความเชื่อในอารยธรรมจีนมีอิทธิพลลึกซึ้งต่อการพัฒนาของสังคมและวัฒนธรรมจีน รวมถึงการประยุกต์ใช้และการปฏิบัติที่สอดคล้องกับความเชื่อในแต่ละยุคสมั
-
สมัยราชวงศ์ชาง (Shang Dynasty) เริ่มต้นประมาณปี 1600 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และสิ้นสุดประมาณปี 1046 ก่อนคริสต์ศักราช (BC). ราชวงศ์ชางเป็นที่รู้จักดีในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการหลอมโลหะ โดยเฉพาะในด้านการผลิตโลหะสำริด (Bronze) ซึ่งมีการใช้ในการสร้างเครื่องมือ อาวุธ และเครื่องประดับที่มีความซับซ้อนและประณีต
-
ในยุคมิคีนี มีเหตุการณ์และบุคคลสำคัญดังนี้
1.) กษัตริย์อากาเมมNON (Agamemnon): ปกครองเมือง Mycenae และเป็นตัวละครหลักในมหากาพย์ "The Iliad" ของโฮเมอร์ แม้ว่าเรื่องราวของเขาจะมีลักษณะเป็นตำนานมากกว่าข้อมูลประวัติศาสตร์ที่แน่นอน
2.) ศูนย์กลางการปกครอง: เมืองหลัก ได้แก่ Mycenae, Tiryns, Pylos และ Thebes ซึ่งมีการสร้างปราสาทที่แข็งแกร่งและมีระบบการปกครองที่ซับซ้อน
3.) ศิลปะและวัฒนธรรม: มีการสร้างงานศิลปะที่โดดเด่น เช่น เครื่องทองคำและเครื่องปั้นดินเผาที่สะท้อนถึงความเชื่อและความสำคัญทางศาสนา -
- ลัทธิเต๋า (Taoism) เริ่มต้น: ลัทธิเต๋าเริ่มต้นประมาณศตวรรษที่ 4–3 ก่อนคริสตกาล (BCE) โดยเล่าจื๊อ (Laozi) ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือ "เต๋าเต๋อจิง" (Tao Te Ching) ที่ถือเป็นตำราหลักของลัทธินี้
- ลัทธิขงจื๊อ (Confucianism) เริ่มต้น: ลัทธิขงจื๊อเริ่มต้นในช่วงศตวรรษที่ 5–4 BCE โดยขงจื๊อ (Confucius) หรือคอนฟูเซียส ซึ่งเขียนหนังสือ "ลู่ซือ" (Lunyu) และ "ฉีงซู" (Qing Shu)
- ลัทธิพุทธ (Buddhism) เริ่มต้น: ศาสนาพุทธเข้ามาในจีนจากอินเดียประมาณศตวรรษที่ 1 CE ผ่านเส้นทางการค้าและการแพร่กระจายของพุทธศาสนา
-
1 ) การขยายอำนาจไปยังภูมิภาคต่างๆ เช่น อัสซีเรียและคานาอัน
2 ) การครองอำนาจของฟาโรห์ที่มีชื่อเสียง เช่น ทูตังค์อามุนและรามเสสที่ 2 -
การขยายอำนาจไปยังภูมิภาคต่างๆ ในช่วงอียิปต์ใหม่ (New Kingdom) เกิดขึ้นในช่วงประมาณปี 1550-1070 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) โดยฟาโรห์ในราชวงศ์ที่ 18-20 ได้ขยายอำนาจไปยังภูมิภาคต่างๆ เช่น อัสซีเรีย, คานาอัน, และดินแดนอื่นๆ ในตะวันออกกลางเพื่อเสริมสร้างอิทธิพลของอียิปต์ในภูมิภาคนั้น
-
สมัยเว็ดิก (Vedic Period) และเริ่มต้นการเกิดศาสนาฮินดู
-
ศาสนาในอารยธรรมอินเดียมีความหลากหลายและมีพัฒนาการยาวนาน มี
1. ศาสนาฮินดู
2. ศาสนาโบไฮศิก
3. ศาสนาพุทธ
4. ศาสนาซิกห์
5. คริสตศักราช
ศาสนาเหล่านี้มีอิทธิพลลึกซึ้งต่อวัฒนธรรมและสังคมของอินเดีย และยังคงเป็นส่วนสำคัญของชีวิตในภูมิภาคนี้มาจนถึงปัจจุบัน -
สมัยเว็ดิก (Vedic Period) เริ่มต้นประมาณปี 1500 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และดำเนินต่อไปจนถึงประมาณปี 500 ก่อนคริสต์ศักราช (BC). ในช่วงนี้มีการเขียนพระเวท (Vedas) ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญที่ถือเป็นรากฐานของศาสนาฮินดู โดยเฉพาะพระเวทสังคีต (Rigveda) ที่เป็นคัมภีร์เวทที่เก่าแก่ที่สุดและมีความสำคัญในการกำหนดความเชื่อและพิธีกรรมของศาสนาฮินดู
-
ศาสนาฮินดู:
เริ่มต้น: ศาสนาฮินดูมีต้นกำเนิดมาจากวรรณกรรมเวท (Vedas) และความเชื่อของอารยธรรมแม่น้ำสินธุ (Indus Valley) โดยประมาณ 1500–500 ปีก่อนคริสตกาล (BCE)
หลักการสำคัญ: มีเทพเจ้าหลายองค์ เช่น พระพรหม (Brahma), พระวิษณุ (Vishnu), และพระศิวะ (Shiva) นอกจากนี้ยังมีแนวคิดเรื่องการเกิดใหม่ (Reincarnation) และกฎแห่งกรรม (Karma)
การพัฒนา: ศาสนาฮินดูได้พัฒนาไปอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเวลาต่าง ๆ รวมถึงการเกิดแนวคิดใหม่ ๆ เช่น ศาสนาฮินดูแบบบูชาภาพ (Bhakti) ในช่วงศตวรรษที่ 1–5 CE -
การออกจากอียิปต์ (Exodus) - เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 2448 ของอายธรรมฮิบรู ซึ่งตรงกับประมาณปี 1313 BCE ในคริสต์ศักราช
-
การออกจากอียิปต์ (Exodus) ตามปฏิทินฮิบรูเกิดขึ้นในปี 2448 ซึ่งตรงกับปี 1313 BCE ในคริสต์ศักราช ปี 2448 ของอายธรรมฮิบรูเริ่มต้นในเดือนทีเชรี (Tishrei) ของปี 1313 BCE และสิ้นสุดในเดือนทีเชรีของปี 1312 BCE
เหตุการณ์การออกจากอียิปต์มักจะถูกอ้างถึงในบริบทของเดือนนีซาน (Nisan) ซึ่งเป็นเดือนที่เกิดเหตุการณ์นี้จริง ๆ เดือนนีซานเริ่มต้นประมาณเดือนมีนาคมถึงเมษายนในปฏิทินเกรกอเรียน ดังนั้น การออกจากอียิปต์อาจเริ่มในช่วงเดือนนีซานปี 2448 ของอายธรรมฮิบรู ซึ่งตรงกับปี 1313 BCE ในคริสต์ศักราช -
ยุคมืดของกรีกเป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในด้านสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งทำให้ยุคถัดไปเป็นการฟื้นฟูและการพัฒนาที่สำคัญในประวัติศาสตร์กรีก.
-
ยุคมืดของกรีก (Greek Dark Ages) ประมาณ 1100-800 BCE มีเหตุการณ์หลัก ๆ ดังนี้:
1.) การล่มสลายของอาณาจักรมิคีนี: เมืองหลักในยุคมิคีนี เช่น Mycenae และ Tiryns ถูกทำลายและทิ้งร้าง, ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสื่อมโทรมในด้านการปกครองและเศรษฐกิจ
2.) การลดลงของการเขียน: การใช้ระบบการเขียน Linear B หายไป และการบันทึกข้อมูลเริ่มหายาก ซึ่งส่งผลให้เกิดการสูญหายของความรู้และวรรณกรรมในช่วงเวลานี้
3.) การเคลื่อนย้ายและการตั้งถิ่นฐานใหม่: มีการเคลื่อนย้ายของชนเผ่าและการตั้งถิ่นฐานใหม่ในพื้นที่ต่าง ๆ ของกรีซ -
การถูกพิชิตโดยชาวอาเล็กซานเดอร์มหาราชในปี 332 ปีก่อนคริสต์ศักราช
-
หลังจากการพิชิตโดยอเล็กซานเดอร์มหาราชในปี 332 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) อียิปต์เข้าสู่ช่วงของการปกครองภายใต้จักรวรรดิเมซิโดเนียและต่อมาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิของอเล็กซานเดอร์ จักรวรรดิเพียงไม่กี่ปีหลังจากการพิชิตของเขา ในปี 323 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) อเล็กซานเดอร์ได้เสียชีวิต และจักรวรรดิเกิดการแบ่งแยก
-
สมัยราชวงศ์โจว (Zhou Dynasty) ซึ่งมีการพัฒนาแนวคิดทางการเมืองและปรัชญา
-
สมัยราชวงศ์โจว (Zhou Dynasty) เริ่มต้นประมาณปี 1046 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และสิ้นสุดประมาณปี 256 ก่อนคริสต์ศักราช (BC). ในช่วงราชวงศ์โจว มีการพัฒนาแนวคิดทางการเมืองและปรัชญาที่สำคัญ เช่น หลักการของ "การปกครองตามฟ้าฟื้น" (Mandate of Heaven) ซึ่งมีผลกระทบต่อแนวคิดการปกครองของจีน และการพัฒนาแนวคิดทางปรัชญา เช่น ขงจื๊อ (Confucianism) และเต๋า (Taoism) ซึ่งมีรากฐานสำคัญในช่วงปลายราชวงศ์โจวและช่วงราชวงศ์ชิน (Qin Dynasty) ต่อไป
-
การก่อตั้งอาณาจักรอิสราเอลภายใต้การนำของกษัตริย์ซาอูล และการสถาปนาของพระเยซูซึ่งเป็นพระเจ้าของคริสต์ศาสนา
-
การก่อตั้งอาณาจักรอิสราเอลภายใต้การนำของกษัตริย์ซาอูลเริ่มต้นประมาณปี 1040 ก่อนคริสต์ศักราช (BCE) การสถาปนาของพระเยซู ซึ่งเป็นพระเจ้าของคริสต์ศาสนา เกิดขึ้นประมาณปี 4 ก่อนคริสต์ศักราช (BCE) ถึงปี 30-33 คริสต์ศักราช (CE) นี่คือช่วงเวลาโดยประมาณในการเริ่มต้นเหตุการณ์สำคัญเหล่านี้.
-
การขยายอำนาจของอัสซีเรียและการสู้รบกับพันธมิตรอื่นๆ
-
ช่วงสมัยของอัสซีเรียรุ่นใหม่ (Neo-Assyrian Empire) เริ่มต้นในปีประมาณ 911 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) กับการขึ้นสู่อำนาจของพระเจ้าอาดัดนีร์อี (Adad-Nirari II) และมีการขยายอำนาจอย่างกว้างขวางต่อเนื่องในสมัยของฟาโรห์ที่สำคัญ เช่น เสลมานัสเซอร์ที่ 3 (Shalmaneser III) และพระเจ้าเทกัล-ฟาลเซอร์ที่ 3 (Tiglath-Pileser III) จนถึงการรุ่งเรืองสูงสุดในสมัยของพระเจ้าอัสซีเรียที่ 3 (Ashurbanipal) ซึ่งครอบคลุมช่วงเวลาจนถึงการล่มสลายของจักรวรรดิอัสซีเรียในปี 609 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE).
-
อารยธรรมกรีกโบราณเริ่มต้นประมาณปี 800 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และมีการพัฒนาอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่เรียกว่าสมัยกรีกคลาสสิก (Classical Greece) ซึ่งประมาณปี 500 ถึง 323 ก่อนคริสต์ศักราช (BC).
-
อารยธรรมกรีกโบราณมีสองช่วงหลักคือยุคเก่ากรีก (ประมาณ 800–500 ปีก่อนคริสต์ศักราช) และยุคคลาสสิก (ประมาณ 500–323 ปีก่อนคริสต์ศักราช). ศาสนาในยุคนั้นเน้นการบูชาเทพเจ้าหลายองค์ เช่น ซุส, เฮร่า, และอะธีน่า โดยมีการสร้างวัดและการจัดพิธีกรรมต่างๆ ศาสนาและความเชื่อของกรีกมีบทบาทสำคัญในวรรณกรรมและปรัชญา เช่นงานของโฮเมอร์และเพลโต
-
สกุลเงิน: เหรียญเงิน (เช่น ดราเชมา) ถูกใช้อย่างแพร่หลาย มีการประทับตราเพื่อรับรองความมีค่า
การค้า: ระบบการค้าในเมืองรัฐ (City-States) เช่น เอเธนส์ ทำให้เหรียญกลายเป็นสื่อกลางสำคัญ -
อารยธรรมกรีก: แม้ว่ากรีซโบราณจะไม่ได้มีอำนาจทางการเมืองเหมือนในอดีต แต่ปรัชญา การเมือง และศิลปะกรีกยังคงมีอิทธิพลต่อวรรณกรรม การศึกษา และวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน
-
ศาสนาและอารยธรรมกรีกโบราณมีการพัฒนาในช่วงคริสต์ศักราชดังนี้:
ยุคเก่ากรีก (ประมาณ 800–500 ปีก่อนคริสต์ศักราช): การบูชาเทพเจ้าหลายองค์เริ่มมีความชัดเจน เช่น ซุส, เฮร่า, และอะธีน่า การจัดตั้งรัฐเมือง (Poleis) และการสร้างวรรณกรรมและปรัชญาเริ่มเติบโต. ยุคคลาสสิก (ประมาณ 500–323 ปีก่อนคริสต์ศักราช): อารยธรรมกรีกเติบโตเต็มที่ มีการพัฒนาภาพยนตร์, ปรัชญา, และวิทยาศาสตร์ นักปรัชญาที่สำคัญ เช่น โสเครตีส, เพลโต, และอริสโตเติล. -
สกุลเงิน
เหรียญเงิน:เหรียญที่ใช้มากที่สุดคือ ดราเชมา (Drachma)ซึ่งเป็นเหรียญเงินที่มีการประทับตราเพื่อรับรองความมีค่า
การใช้เหรียญเงินเริ่มต้นในช่วงศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตศักราช และมีการผลิตเหรียญจากโลหะที่มีคุณภาพสูง
เหรียญเหล่านี้ช่วยสร้างมาตรฐานในการแลกเปลี่ยนและการค้าในระดับที่กว้างขึ้น
ระบบการค้า
เมืองรัฐ (City-States):ระบบการค้าในเมืองรัฐ เช่น เอเธนส์ และ สปาร์ตา ทำให้เกิดการค้าขายที่มีระเบียบและมีประสิทธิภาพ
แต่ละเมืองรัฐมักมีเหรียญของตนเองที่ประทับตรา และใช้เหรียญเป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรม -
อารยธรรมกรีก
เทศกาลกีฬาโอลิมปิก: การจัดแข่งขันกีฬาเพื่อเคารพเทพเจ้า.
พิธีกรรมทางศาสนา: การบูชาเทพเจ้า เช่น เทศกาล “ปานเธนีอา” เพื่อเฉลิมฉลองเทพีอะธีน่า. -
- เทศกาลกีฬาโอลิมปิก วัตถุประสงค์: จัดขึ้นเพื่อเคารพเทพเจ้า โดยเฉพาะเทพซุส (Zeus) เทพเจ้าแห่งฟ้าและการปกครอง สถานที่จัด: ที่เมืองโอลิมเปีย (Olympia) ประเทศกรีซ ช่วงเวลา: เริ่มต้นในปี 776 ปีก่อนคริสต์ศักราช และจัดทุก 4 ปี ต่อเนื่องมาจนถึงประมาณ 393 คริสต์ศักราช เมื่อถูกยกเลิกโดยจักรพรรดิธีโอดอส (Theodosius I)
- พิธีกรรมทางศาสนา: เทศกาล “ปานเธนีอา” วัตถุประสงค์: จัดเพื่อเฉลิมฉลองเทพีอะธีน่า (Athena) ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่มีความสำคัญสูงสุดในกรุงเอเธนส์
-
การก่อตั้งกรุงโรม (Rome)
-
การก่อตั้งกรุงโรม (Rome) ตามตำนานโรมันเริ่มต้นในปี 753 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE). ตามประวัติศาสตร์โบราณ, ปี 753 BCE ถือเป็นปีที่กรุงโรมถูกก่อตั้งโดยโรมัลุส (Romulus) และเรมุส (Remus). ตั้งแต่นั้นมา กรุงโรมได้พัฒนาจนกลายเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมโรมันที่มีอิทธิพลมากในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน.
-
การฟื้นฟูอำนาจของบาบิโลนในยุคของเนบูคัดเนซาร์ที่ 2
-
การฟื้นฟูอำนาจของบาบิโลนในยุคของเนบูคัดเนซาร์ที่ 2 (Nebuchadnezzar II) อยู่ในช่วงเวลาประมาณปี 605–562 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE). เนบูคัดเนซาร์ที่ 2 เป็นฟาโรห์ที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้บาบิโลนกลับมามีอำนาจอีกครั้ง และในช่วงเวลานี้ บาบิโลนได้เจริญรุ่งเรืองทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจ.
-
เหรียญทองและเงิน: เช่น เหรียญปันที่ (Pancika) ซึ่งทำจากเงินหรือทอง
บาร์เทอร์: ใช้การแลกเปลี่ยนสินค้า เช่น ข้าวและเครื่องเทศ -
สกุลเงิน
เหรียญทองและเงิน:
เหรียญปันที่ (Pancika):
เป็นเหรียญที่ทำจากเงินและทอง ใช้เป็นสกุลเงินหลักในอาณาจักรต่างๆ เช่น อาณาจักรเมารยะ
มีการประทับตราเพื่อรับรองความมีค่า และมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามแต่ละอาณาจักร
ระบบการค้า
บาร์เทอร์:
การค้าในอินเดียส่วนใหญ่พึ่งพาการแลกเปลี่ยนสินค้าผ่านระบบบาร์เทอร์ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนข้าว, เครื่องเทศ, และผลิตภัณฑ์เกษตรกร
สินค้าเหล่านี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตของประชาชน -
จักรวรรดิอาคีเมนิด (550-330 ปีก่อนคริสต์ศักราช) - ก่อตั้งโดยไซรัสมหาราช (Cyrus the Great) ในปี 550 ปีก่อนคริสต์ศักราช การขยายอาณาจักรอย่างรวดเร็ว และเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
-
จักรวรรดิอาคีเมนิด เป็นจักรวรรดิที่ก่อตั้งโดยไซรัสมหาราช (Cyrus the Great) ซึ่งเป็นผู้นำที่มีความสามารถในการรวมกลุ่มชนต่าง ๆ และขยายอาณาเขตอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มจากการรวมกลุ่มเมเดีย (Media) และขยายอาณาจักรไปยังบาบิโลเนีย (Babylonia), ลิเบีย (Lydia), และส่วนอื่น ๆ ในเอเชียตะวันตก. ไซรัสมีการปกครองที่เปิดกว้างและให้ความเคารพในวัฒนธรรมของชาติที่ถูกปกครอง ซึ่งช่วยสร้างความมั่นคงในอาณาจักรจักรวรรดิอาคีเมนิดสิ้นสุดลงเมื่อถูกโกรธเฮลีนิสต์ (Alexander the Great) ทำลายในปี 330 ปีก่อนคริสต์ศักราช.
-
สมัยกรีกคลาสสิก (Classical Greece) รวมถึงการพัฒนาอาณาจักรและเมืองรัฐ เช่น เอเธนส์ (Athens) และสปาร์ตา (Sparta)
-
พิธีกรรมบูชาเทพเจ้า: การบูชาเทพเจ้าโรมันในวัดและบ้าน.
เทศกาล “ลูเปอร์คัลเลีย”: การเฉลิมฉลองความอุดมสมบูรณ์และความรัก. -
สกุลเงิน: เงินเดนาริอุส (Denarius) และเหรียญทอง (Aureus)
การค้า: การใช้เงินตราที่มีมาตรฐานทำให้การค้าแพร่หลายและมีประสิทธิภาพทั่วอาณาจักร -
สมัยกรีกคลาสสิก (Classical Greece) เริ่มต้นประมาณปี 500 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และสิ้นสุดในปี 323 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เริ่มต้นเมื่อกรีซมีความเจริญรุ่งเรืองในด้านวรรณกรรม ปรัชญา การเมือง และศิลปะ รวมถึงการพัฒนาเมืองรัฐสำคัญ เช่น เอเธนส์ (Athens) และสปาร์ตา (Sparta) โดยเอเธนส์เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเดโมเครซี (ประชาธิปไตย) และวรรณกรรม ขณะที่สปาร์ตาเป็นที่รู้จักในด้านทหารและระเบียบวินัยทางทหาร
-
พิธีกรรมบูชาเทพเจ้า
การบูชาเทพเจ้าในอารยธรรมโรมันมีความสำคัญทั้งในวัดและในบ้าน โดยชาวโรมันจะทำพิธีกรรมเพื่อเคารพและขอพรจากเทพเจ้าต่าง ๆ เช่น เทพเจ้าเจนีอุส (Genius) และเทพเจ้าแห่งบ้าน (Lares) ที่ช่วยปกป้องครอบครัว
เทศกาล “ลูเปอร์คัลเลีย”
เทศกาลลูเปอร์คัลเลีย (Lupercalia) เป็นการเฉลิมฉลองในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์เพื่อเคารพเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ เช่น ฟอรุนุส (Faunus) และเทพเจ้าแห่งความรักโดยมีการจัดพิธีกรรมและการเฉลิมฉลองซึ่งรวมถึงการวิ่งประจำปีและการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความรักในชีวิต -
สกุลเงิน
เงินเดนาริอุส (Denarius):
เป็นเหรียญเงินที่ใช้กันอย่างแพร่หลายตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตศักราช มีน้ำหนักและขนาดมาตรฐาน
เงินเดนาริอุสมีการประทับตราภาพของจักรพรรดิและสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความมีค่าและความน่าเชื่อถือระบบการค้า
การค้า:
การใช้เงินตราที่มีมาตรฐานช่วยให้การค้าในอาณาจักรโรมันมีความสะดวกและมีประสิทธิภาพ
ผู้ค้าสามารถแลกเปลี่ยนสินค้าได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดตลาดที่มีความหลากหลายทั้งในเมืองและชนบท -
สงครามเปอร์เซีย-กรีก รวมถึงการต่อสู้ที่สำคัญเช่น การรบที่มาราธอน (490 ปีก่อนคริสต์ศักราช) และการรบที่พลาทาอา (479 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
-
สงครามเปอร์เซีย-กรีก เป็นชุดของสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างจักรวรรดิเปอร์เซียและเมืองรัฐกรีกในช่วงปลายศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช
การรบที่มาราธอน
เหตุการณ์: จักรพรรดิแดรีอัสที่ 1 (Darius I) ส่งกองทัพใหญ่ไปยังกรีซเพื่อลงโทษเมืองเอเธนส์ที่มีส่วนร่วมในการกบฏของเมืองรัฐกรีกอื่น ๆ ต่อต้านการปกครองของเปอร์เซีย
การรบที่พลาทาอา
เหตุการณ์: การรบสุดท้ายของสงครามเปอร์เซีย-กรีกที่เกิดขึ้นบนแผ่นดิน. กองทัพพันธมิตรของเมืองรัฐกรีกที่นำโดยสปาร์ตาและเอเธนส์ได้ทำลายกองทัพเปอร์เซียที่นำโดยมาร์ดอนีอุส (Mardonius). -
สมัยของอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) และการขยายอาณาจักรกรีกไปทั่วพื้นที่ในตะวันออกกล
-
สมัยของอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) เริ่มต้นในปี 336 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) เมื่อเขาขึ้นครองบัลลังก์ของราชวงศ์มาเซโดเนีย หลังจากการสวรรคตของพระบิดา ฟิลิปป์ที่ 2 และสิ้นสุดในปี 323 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) เมื่ออเล็กซานเดอร์เสียชีวิตที่กรุงบาบิโลน (ปัจจุบันอยู่ในอิรัก)
ในช่วงเวลานี้ อเล็กซานเดอร์ได้ขยายอาณาจักรกรีกไปยังพื้นที่ที่กว้างขวาง โดยการพิชิตอาณาจักรเปอร์เซียและดินแดนที่อยู่ในตะวันออกกลางและเอเชียใต้ รวมถึงพื้นที่ในปัจจุบันของอียิปต์ อิหร่าน อิรัก -
จักรวรรดิโซโลสิด ก่อตั้งโดยเซลูคัสที่ 1 หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิอาคีเมนิด
-
จักรวรรดิโซโลสิด เป็นอาณาจักรที่ก่อตั้งโดยเซลูคัสที่ 1 หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิอาคีเมนิดในปี 330 ปีก่อนคริสต์ศักราช
การก่อตั้ง: ปี 312 ปีก่อนคริสต์ศักราช: เซลูคัสที่ 1 ซึ่งเป็นหนึ่งในนายพลของอเล็กซานเดอร์มหาราช ก่อตั้งจักรวรรดิโซโลสิดหลังจากการเสียชีวิตของอเล็กซานเดอร์
การล่มสลาย: ปี 63 ปีก่อนคริสต์ศักราช: จักรวรรดิโซโลสิดเริ่มเสื่อมสภาพจากการเผชิญหน้ากับการรุกรานของชาวโรมัน รัฐของโรมันได้เข้ายึดครองดินแดนของจักรวรรดิโซโลสิด, ซึ่งนำไปสู่การสิ้นสุดของจักรวรรดิโซโลสิด -
อาณาจักรมาเธีย (Maurya Empire) ภายใต้การปกครองของจักรพรรดาอโศก (Ashoka)
-
อาณาจักรมาเธีย (Maurya Empire) ภายใต้การปกครองของจักรพรรดาอโศก (Ashoka) เริ่มในปี 268 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) เมื่อเขาขึ้นครองบัลลังก์ และสิ้นสุดการปกครองของเขาในปี 232 ก่อนคริสต์ศักราช (BC).
-
สงครามพูนิกครั้งที่หนึ่ง (First Punic War) ระหว่างโรมันและการ์เธจ (Carthage)
-
สงครามพูนิกครั้งที่หนึ่ง (First Punic War) เป็นสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างโรมันและการ์เธจ (Carthage) ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 264 ถึง 241 BCE
264 BCE – การเริ่มต้นของสงคราม: สงครามเริ่มต้นเมื่อโรมันเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อควบคุมเกาะซิซิลี ซึ่งเป็นดินแดนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์
241 BCE – สงครามสิ้นสุดลงด้วยการลงนามในสัญญาสันติภาพที่รู้จักกันในชื่อสัญญาสันติภาพของลิลิซา (Treaty of Lutatius) ซึ่งการ์เธจยอมรับการแพ้และต้องยอมแพ้ให้โรมันควบคุมซิซิลีและจ่ายค่าปรับสงครามพูนิกครั้งที่หนึ่ง -
ราชวงศ์ฉิน (221-206 ปีก่อนคริสตกาล): จีนรวมกันเป็นประเทศเดียวครั้งแรกโดยจักรพรรดิฉินฉื่อหวัง ก่อตั้งระบบการปกครองที่เข้มแข็งและสร้างกำแพงเมืองจีนส่วนแรก
-
การรวมประเทศ: ฉินฉื่อหวังประสบความสำเร็จในการรวม 7 รัฐที่แตกต่างกันในยุคสงครามระหว่างรัฐ (Warring States Period) เป็นจักรวรรดิเดียว
การปกครอง: สถาปนาระบบราชการที่มีการจัดการอย่างเข้มแข็งและเป็นระเบียบ โดยใช้ระบบเขตปกครองที่แบ่งประเทศออกเป็น 36 เขตและมีการจัดการแบบคล้ายกับระบบมณฑล
การสร้างกำแพงเมืองจีน: สร้างกำแพงเมืองจีนส่วนแรกเพื่อปกป้องอาณาจักรจากการโจมตีของชนเผ่าต่าง ๆ ในภาคเหนือ การก่อสร้างนี้รวมถึงการขยายกำแพงเมืองเก่าที่มีอยู่แล้ว -
ราชวงศ์ฮั่น : ราชวงศ์ที่สำคัญในประวัติศาสตร์จีน ส่งเสริมการค้าผ่านเส้นทางสายไหมและพัฒนาวิทยาศาสตร์และวรรณกรรม
-
ราชวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อนคริสตกาล - 220 คริสต์ศักราช) เป็นหนึ่งในยุคทองของประวัติศาสตร์จีน โดยมีความสำคัญดังนี้:
การค้าเส้นทางสายไหม: ราชวงศ์ฮั่นส่งเสริมการค้าผ่านเส้นทางสายไหมซึ่งเชื่อมจีนกับเอเชียกลางและยุโรป ส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและสินค้าระหว่างประเทศการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี: ในยุคนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ เช่น การคิดค้นกระดาษและการพัฒนาวิธีการแพทย์ที่เป็นที่รู้จักในตอนนั้น -
การเกิดไฟไหม้กรุงโรมครั้งใหญ่ในสมัยของจักรพรรดิเนโร (Nero)
-
การลอบสังหารจูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) และการสิ้นสุดของสาธารณรัฐโรมัน
-
การลอบสังหารจูเลียส ซีซาร์ เกิดขึ้นในวันที่ 15 มีนาคม 44 BCE ซึ่งเป็นวันที่รู้จักกันในชื่อ "Ides of March" การลอบสังหารเกิดขึ้นที่สภา (Senate) ในกรุงโรม
สาเหตุของการลอบสังหาร: จูเลียส ซีซาร์ มีอำนาจสูงสุดในสาธารณรัฐโรมัน ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่สมาชิกวุฒิสภาที่เห็นว่าซีซาร์กำลังพยายามจะกลายเป็นกษัตริย์และทำให้ระบบสาธารณรัฐถูกทำลาย
ผลกระทบ: การลอบสังหารนำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมืองในกรุงโรม การต่อสู้แย่งชิงอำนาจซึ่งในที่สุดนำไปสู่การล่มสลายของสาธารณรัฐโรมันและการก่อตั้งจักรวรรดิ -
สมัยจักรวรรดิโรมัน (Roman Empire) ซึ่งรวมถึงการขยายอาณาจักรและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ
-
จักรวรรดิโรมันเริ่มต้นในปี 27 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) เมื่อออคตาเวียน (Augustus) ได้รับตำแหน่งอิมพีเรียลและถือเป็นจักรพรรดิองค์แรกของโรมัน และสิ้นสุดในปี 476 คริสต์ศักราช (AD) เมื่อจักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลาย ในช่วงเวลานั้น โรมันได้ขยายอาณาเขตอย่างกว้างขวางและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นถนน ระบบประปา และสถาปัตยกรรมต่าง ๆ อย่างมีความสำคัญ
-
จักรวรรดิสสเปเฮนิด (224-651 คริสต์ศักราช) - ก่อตั้งโดยอาร์เดชีร์ที่ 1 หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโซโลสิด
-
จักรวรรดิสสเปเฮนิด หรือที่รู้จักในชื่อจักรวรรดิซัสซานิด (Sassanian Empire)
การก่อตั้ง: ปี 224 คริสต์ศักราช: อาร์เดชีร์ที่ 1 ผู้ก่อตั้งจักรวรรดิสสเปเฮนิด ขับไล่จักรวรรดิโซโลสิดและก่อตั้งจักรวรรดิใหม่ที่มีศูนย์กลางในเปอร์เซีย โดยเริ่มต้นจากการรวมกลุ่มชนในอาณาจักรปาร์ธี และขยายอาณาเขตของเขาออกไป.
การล่มสลาย: ปี 651 คริสต์ศักราช จักรวรรดิสสเปเฮนิดล่มสลายจากการรุกรานของชาวอาหรับมุสลิมในช่วงการขยายตัวของอิสลาม. การปกครองของจักรวรรดิซัสซานิดสิ้นสุดลงและดินแดนส่วนใหญ่ถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรอิสลามใหม่ -
การค้นพบของอารยธรรมมายา (ประมาณ 250–900 ค.ศ.)
ความสำเร็จในด้านดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ และสถาปัตยกรรม สร้างเมืองที่มีความสวยงามและซับซ้อน -
อารยธรรมมายา (ประมาณ 250–900 ค.ศ.)
อารยธรรมมายาเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่สำคัญในอเมริกากลาง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ปัจจุบันคือเม็กซิโกตอนใต้และประเทศกัวเตมาลา อารยธรรมนี้มีความสำเร็จที่น่าทึ่งในหลายด้าน เช่น ดาราศาสตร์ : ชาวมายามีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของดวงดาวและวัฏจักรของดวงจันทร์ พวกเขาสามารถคำนวณเวลาและสร้างปฏิทินที่แม่นยำ รวมถึงปฏิทินศักราชที่ประกอบด้วยปฏิทินซึ่งมี 365 วัน
พวกเขายังสามารถทำนายสุริยุปราคาและจันทรุปราคาได้อย่างแม่นยำ -
ราชวงศ์กุปตะ (Gupta Dynasty)
ยุคทองของวรรณกรรมและวิทยาศาสตร์ในอินเดีย
การพัฒนา คณิตศาสตร์ และ ดาราศาสตร์ -
ราชวงศ์กุปตะ (ประมาณ 320–550 ค.ศ.) ถือเป็นยุคทองของวรรณกรรมและวิทยาศาสตร์ในอินเดีย
คณิตศาสตร์: คณิตศาสตร์ยุคกุปตะมีการพัฒนาทฤษฎีจำนวน เช่น การใช้เลขศูนย์ (0) และระบบเลขฐานสิบ โดยนักคณิตศาสตร์สำคัญคือ อริยภัทรา (Aryabhata) ซึ่งได้เขียน “อริยภัทตียะ” และเสนอทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับเลขและดาราศาสตร์
ดาราศาสตร์: อริยภัทราได้พัฒนาทฤษฎีเกี่ยวกับการหมุนของโลกและการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ นอกจากนี้ยังมีการคำนวณดาราศาสตร์และการจัดทำปฏิทินอย่างแม่นยำ. -
การแบ่งจักรวรรดิโรมันเป็นจักรวรรดิโรมันตะวันตกและจักรวรรดิโรมันตะวันออก
-
การแบ่งจักรวรรดิโรมันเป็นจักรวรรดิโรมันตะวันตกและจักรวรรดิโรมันตะวันออกเริ่มต้นในปี 285 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิดิออกลีเชียน การแบ่งแยกนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปของดิออกลีเชียน เพื่อให้การบริหารจัดการจักรวรรดีได้ดีขึ้น
การแบ่งแยกอย่างเป็นทางการได้เกิดขึ้นในปี 395 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) หลังจากการเสียชีวิตของจักรพรรดิธีโอดอสีอัสที่ 1 (Theodosius I) ซึ่งทำให้จักรวรรดิถูกแบ่งออกเป็นจักรวรรดิโรมันตะวันตกและจักรวรรดิโรมันตะวันออกอย่างชัดเจนและถาวร. -
ราชวงศ์ถัง : ยุคทองของวรรณกรรมและศิลปะจีน การพัฒนาของระบบราชการและการแพร่กระจายของศาสนาพุทธ
-
ราชวงศ์ถัง (618-907 คริสต์ศักราช) เป็นยุคทองในประวัติศาสตร์จีนที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง:
1.) การพัฒนาศิลปะและวรรณกรรม: ราชวงศ์ถังเป็นยุคที่ศิลปะและวรรณกรรมเจริญรุ่งเรือง มีนักกวีชื่อดังอย่าง ลี่ไป (Li Bai) และ ดูฟู (Du Fu) ผลงานของพวกเขามีอิทธิพลต่อวรรณกรรมจีนมาจนถึงปัจจุบัน
2.) การพัฒนาระบบราชการ: การปรับปรุงระบบราชการทำให้มีการจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการสร้างระบบการสอบเพื่อรับราชการ ซึ่งช่วยให้การบริหารงานมีความเป็นธรรมและโปร่งใสมากขึ้น -
การรุกรานของชาวมุสลิม
การเข้ามาของ จักรวรรดิอาณาจักรเดลี และ จักรวรรดิซิลจุก -
ช่วงเวลาการรุกรานของชาวมุสลิมในอินเดียระหว่างประมาณ 1000–1526 ค.ศ. เป็นช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญหลายประการ:
จักรวรรดิอาณาจักรเดลี (Delhi Sultanate): ก่อตั้งในปี 1206 ค.ศ. โดยกอร์รี (Qutb-ud-din Aibak) หลังจากการรุกรานของชาวมุสลิมจากเปอร์เซียและอัฟกานิสถาน จักรวรรดิเดลีมีอำนาจโดดเด่นในพื้นที่อินเดียเหนือ และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในด้านการปกครองและวัฒนธรรม การปกครองมีการเปลี่ยนแปลงไปตามราชวงศ์ต่างๆ เช่น ราชวงศ์ตุรกี, อัฟกานิสถาน, และมองโกล. -
ราชวงศ์ชิง : ราชวงศ์สุดท้ายของจีน การขยายอาณาเขตและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองอย่างมาก
-
ราชวงศ์ชิง (1644-1912 คริสต์ศักราช) เป็นราชวงศ์สุดท้ายของจีนที่มีความสำคัญทั้งในด้านการขยายอาณาเขตและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมือง:
การขยายอาณาเขต: ราชวงศ์ชิงขยายอาณาเขตของจีนให้ครอบคลุมพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ รวมถึงการเข้าครอบครองทิเบต มองโกเลียภายใน และซินเจียง
การเปลี่ยนแปลงทางสังคม: มีการสร้างการปกครองที่เน้นความเป็นเอกภาพและการรักษาความสงบ แต่ก็เกิดความไม่พอใจจากกลุ่มชนและการต่อต้านจากกลุ่มปฏิวัติ -
สาธารณรัฐจีน : การสิ้นสุดของราชวงศ์ชิงและการเปลี่ยนแปลงสู่ระบอบสาธารณรัฐ
-
สาธารณรัฐจีน (1912-1949 คริสต์ศักราช) เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงจากระบบจักรวรรดิไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ:
การสิ้นสุดของราชวงศ์ชิง: สาธารณรัฐจีนเริ่มต้นด้วยการล้มล้างราชวงศ์ชิงในปี 1912 ภายใต้การนำของซุน ยัตเซน (Sun Yat-sen) ซึ่งก่อตั้งสาธารณรัฐจีนและเป็นประธานาธิบดีชั่วคราวคนแรก
การก่อตั้งระบอบสาธารณรัฐ: ระบบการปกครองใหม่ที่มีรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง มีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติและการบริหารงานตามหลักการประชาธิปไตย -
สาธารณรัฐประชาชนจีน : การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญในศตวรรษที่ 20 และ 21
-
สาธารณรัฐประชาชนจีน (1949-ปัจจุบัน) เป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญ
การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (1949):วันที่ 1 ตุลาคม 1949 พรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำของเหมา เจ๋อตง (Mao Zedong) ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่ง
การเติบโตทางเศรษฐกิจ:การเปิดประเทศนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว การลงทุนจากต่างประเทศ
การพัฒนาในศตวรรษที่ 21:จีนกลายเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก การพัฒนาทางเทคโนโลยี การขยายอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจทั่วโลก