-
อย่างไรก็ตามการอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นล้านๆ ปีอย่างละเอียดเช่นวิวัฒนาการของโลกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพื่อที่จะทำความเข้าใจได้ดีขึ้น เราลองมาปรับตัวเลขอายุของโลกกันใหม่ สมมุติให้โลกใบนี้เป็นคนหนึ่งคนเล้วเปรียบเทียบง่ายๆ ว่า โลกของเราที่กำเนิดเกิดขึ้นมาแล้วกว่า 4,600 ล้านปีนั้น ก็คือเท่ากับคนอายุ 46 ปี มาดูกันว่าตลอดระยะเวลาที่โลกได้ถือกำเนิดมา ตั้งแต่วัยเด็กจนวัยกลางคนนี้ มีอะไรเกิดขึ้นกับโลกของเราบ้าง และลองมาคาดเดาดูสิว่าในอนาคตโลกของเราจะเป็นอย่างไร
-
โลกได้ก่อกำเนิดขึ้นจากการรวมตัวของฝุ่นละออง และโคจรรอบดวงอาทิตย์ อุกกาบาตที่พุ่งเข้าชนในขณะที่โลกมีขนาดประมาณ 80% ของปัจจุบัน ทำให้เศษวัตถุที่หลุดออกมารวมตัวกันเป็นดวงจันทร์
-
-
วัสดุโลหะหนักรวมตัวกันในศูนย์กลางของโลกเกิดเป็นแกนโลก ต่อมาผิวโลกมีการเย็นตัวและแข็งตัวกลายเป็นเปลือกโลก ข้อมูลในช่วงเวลานี้มีน้อยมาก (ยังไม่พบหินในอายุนี้)
-
-
แร่อายุแก่ที่สุดในโลกคือผลึกแร่ซอร์คอน (zircon) ในประเทศออสเตรเลีย หลักฐานจากแร่นี้บ่งบอกว่ามีมหาสมุทรในช่วงเวลานี้ แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
-
-
สิ้นสุดของช่วงเวลา Hadean (ชื่อที่ใช้เรียกช่วงเวลาที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับโลก และไม่มีหลักฐานของหินใดๆ)
-
-
สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากลิ้งค์หรือสแกนQR ได้เลยค่ะ❤️
https://www.geothai.net/earth-evolution/ -
หิน Ancaster Gneiss จากกรีนแลนด์คือหินที่มีอายุแก่ที่สุดในโลก (สี่พันล้านปี)
-
-
หิน Akilia Gneiss (3850 ล้านปี) บ่งบอกหลักฐานคาร์บอนของสิ่งมีชีวิต แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
-
-
หมวดหิน Banded Ironstone Formations (BIFs) สันนิษฐานว่าเกิดจากแบคทีเรีย โดยออกซิเจนที่แบคทีเรียสร้างขึ้นทำปฏิกิริยาออกซิเดชันกับเหล็กไอออนในน้ำทะเลและตกตะกอนเป็นชั้นสีแดงของสนิมเหล็กบนพื้นมหาสมุทร เมื่อไม่มีการสร้างออกซิเจนทำให้เกิดการสะสมตัวของหินเชิร์ตสีเทาแทน ซึ่งชั้นหินทั้งสองนี้ก็คือลักษณะของหมวดหิน BIFs นอกจากนี้แล้วหมวดหินนี้ยังบ่งถึงการสังเคราะห์แสงในยุคแรกเมื่อประมาณ 3700 ล้านปีก่อน แต่ก็ยังไม่พบหลักฐานของซากดึกดำบรรพ์
-
-
หินApex Chert (ตะวันตกของออสเตรเลีย) อายุ 3465 ล้านปี ครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่ามีซากดึกดำบรรพ์ที่แก่ที่สุดอยู่ภายในหิน แต่ปัจจุบันยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ อย่างไรก็ตามในพื้นที่ Pilbara ทางตะวันตกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย พบหินที่มีองค์ประกอบเป็นซิลิกามากอายุ 3500 ล้านปี มีร่องรอยของรูขนาดเล็กจำนวนมากยาวประมาณ 40 ไมครอน และขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าเส้นผม แม้ว่าบางรอยอาจเกิดจากกระบวนการอนินทรีย์ แต่ก็มีนักธรณีวิทยาบางคนเชื่อว่าเกิดขึ้นจากแบคทีเรียชนิดกินหิน (rock-eating bacteria)
-
-
ในบรรยากาศมีออกซิเจนน้อยยูคาริโอต (eukaryote) ซึ่งเป็นเซลล์พื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิดบนโลก เช่น โปรโตซัว เห็ดรา พืช และสัตว์ทั้งหลายได้ถือกำเนิดขึ้น (เฉพาะแบคทีเรีย และสิ่งมีชีวิตในอาณาจักร Monera เท่านั้นที่ประกอบด้วยเซลล์แบบโปรคาริโอต (prokaryote) ยูคาริโอตใช้ออกซิเจนในกระบวนการ metabolism นอกจากนี้พบว่ากระบวนการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศยังถูกวิวัฒนาการขึ้น และซากโปรโตซัวที่พบในหินอายุ 1000 ล้านปี นั้นสามารถบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนและความหลากหลายของยูคาริโอตแรกเริ่มชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี
-
-
สโตรมาโทไลต์ (stromatolites) เกิดขึ้นจากสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวขนาดเล็ก และสังเคราะห์แสงได้ โดยการดึงแร่แคลไซต์จากน้ำทะเลสร้างขึ้นเป็นโดม ปัจจุบันสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินยังคงมีการสร้างโดมสโตรมาโทไลต์ใน Shark Bay ประเทศออสเตรเลีย
-
-
ออกซิเจนซึ่งเป็นผลผลิตของเสียจากแบคทีเรียได้กลายเป็นสารพิษสำหรับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ในยุคแรกๆ เริ่มแรกออกซิเจนจะถูกกักเก็บไว้ในหิน เช่น BIFs และหินปูน แต่ต่อมาปริมาณออกซิเจนนั้นมีมากเกินกว่าที่จะกักเก็บไว้ในหินเช่นเดิมจึงได้แพร่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ หินภาคพื้นทวีปสีแดง (Terrestrial Red Beds) จึงได้กำเนิดขึ้นเมื่อ 2100 ล้านปีก่อน โดยกระบวนการออกซิเดชันของเหล็ก ต่อมาออกซิเจนที่หลงเหลืออยู่ก็สะสมตัวอยู่ในชั้นบรรยากาศ
-
-
นักพันธุศาสตร์คาดการณ์ว่าสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตว์ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 1000 ล้านปีก่อน แต่ไม่พบหลักฐานในบันทึกทางธรณีวิทยา การศึกษา Choanoflagellate ซึ่งเป็นโปรติสที่มีส่วนประกอบทางพันธุกรรมแบบเดียวกับที่พบในสัตว์ ทำให้สัญนิษฐานได้ว่าสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตว์น่าจะมีวิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ซากดึกดำบรรพ์ร่องรอยที่เก่าแก่ที่สุดพบในออสเตรเลีย และแอฟริกามีอายุ 700 ล้านปีก่อน
-
-
-
-
Dmitri Mendeleev สร้างตารางธาตุที่เป็นระบบแรก
-
เชื่อว่าทุกคน น่าจะได้ยินคำนี้กันเยอะมากแล้ว สำหรับการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ หรือ Scientific Revolution ที่พูดถึงการทลายกำแพงด้านการศึกษาวิทยาศาสตร์ ที่เกิดขึ้นมากองกันอยู่ในช่วง 1500 – 1600 ที่เราจะพูดถึงตั้งแต่ ความพยายามของกาลิเลโอในการใช้กล้องโทรทรรศน์ค้นหาความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติ ซึ่งมักจะขัดแย้งกับที่สอนไว้ในคัมภีร์ และการปฎิวัติจบลงด้วยทฤษฎีว่าด้วยการเคลื่อนไหวของวัตถุและแรงโน้มถ่วงระหว่างวัตถุของเซอร์ ไอแซคนิวตัน ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของวิทยาศาตร์กายภาพ
-
จุดเริ่มต้นของการปฎิวัติวิทยาศาสตร์และบุคคลสำคัญ
-
มีใครบ้างไป?
-
-
-
-
-
กาลิเลโอ กาลิเลอี เสียชีวิตหลังจากที่ได้รับการบังคับให้ถอนคำสอนเกี่ยวกับทฤษฎีของโคเปอร์นิกัส จากการคุมขังของศาสนจักร
-
-
-
-
-
-
-
-
ตีพิมพ์ "De Revolutionibus Orbium Coelestium" (1543) ซึ่งเสนอระบบสุริยจักรวาลที่ต่างจากระบบของโตเลมีย์ (Geocentric)
-
เผยแพร่การศึกษาโครงสร้างร่างกายมนุษย์ซึ่งเป็นการปฏิวัติการศึกษาเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์
-
ตีพิมพ์แนวคิดเกี่ยวกับจักรวาลที่มีระบบดาวมากมายและทฤษฎีเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของดาว (1600)
-
ใช้กล้องโทรทรรศน์สังเกตดาวเคราะห์, ยืนยันหลักการของระบบสุริยจักรวาลของโคเปอร์นิคัส (1610-1632)
-
คริสตอฟอร์ โซอารี และการต่อต้านของคริสตจักรคาทอลิกต่อทฤษฏีของโคเปอร์นิคัส
-
ฟรานซิส เบคอน (Francis Bacon) นำเสนอวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เน้นการทดลองและการสังเกต เพื่อลดการพึ่งพาความเชื่อเดิมและสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
-
วิลเลียม ฮาร์วีย์ (William Harvey) เผยแพร่ทฤษฎีการหมุนเวียนของเลือดในร่างกาย ซึ่งเป็นการปฏิวัติความเข้าใจทางชีววิทยาและการแพทย์
-
กาลิเลโอ กาลิเลอี เผยแพร่หนังสือเปรียบเทียบทฤษฎีของโคเปอร์นิกัสและทฤษฎีของโตลไม (Ptolemaic system) แต่ถูกนำไปสู่การพิจารณาคดีจากศาสนจักร
-
เรอเน่ เดการ์ต (René Descartes) เผยแพร่หนังสือที่เสนอวิธีการทางตรรกะและฟิสิกส์ใหม่ ๆ และการค้นหาความรู้ผ่านการใช้เหตุผลและการสังเกต
-
โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) เขียนหนังสือเกี่ยวกับทฤษฎีการเมืองที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในการคิดเกี่ยวกับสังคมและมนุษย์ในช่วงยุคปฏิวัติวิทยาศาสตร์
-
โรเบิร์ต บอยล์ (Robert Boyle) เผยแพร่หนังสือที่เรียกร้องให้ใช้วิธีการทดลองในการศึกษาสมบัติของสารเคมี ซึ่งเป็นพื้นฐานของเคมีสมัยใหม่
-
ไอแซค นิวตัน (Isaac Newton) เผยแพร่ผลงานที่รวมถึงกฎของการเคลื่อนที่และกฎแรงโน้มถ่วงซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในฟิสิกส์และคณิตศาสตร์
-
บุคคลที่คิดค้น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ดาราศาสตร์และเทคโนโลยี จะมีใครกันบ้าง?
-
ไอแซค นิวตัน (Isaac Newton) เผยแพร่หนังสือที่เป็นพื้นฐานของฟิสิกส์คลาสสิก และกฎของการเคลื่อนที่และแรงโน้มถ่วง
-
ตีพิมพ์ "Philosophiæ Naturalis Principia Mathematica" (1687) ซึ่งแสดงหลักการของแรงดึงดูดและกฎการเคลื่อนที่
-
ไอแซค นิวตันตีพิมพ์ "Philosopiae Naturalis Principia Mathematica" ซึ้งวางรากฐานของฟิสิกส์คลาสสิก
-
แอนโทนี แวน เลเวนฮุก (Antoine Lavoisier) เริ่มต้นการปฏิวัติทางเคมีด้วยการพัฒนาทฤษฎีการอนุรักษ์มวลและการจำแนกประเภทของธาตุ
-
-
ไอแซค นิวตัน (Isaac Newton) เผยแพร่หนังสือที่เกี่ยวกับทฤษฎีแสงและสี ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อการศึกษาด้านแสงและการมองเห็น
-
ศึกษาเพิ่มเกี่ยวกับการปฏิวัติวิทยาศาสตร์
https://youtu.be/HJZC6sFYJ9M -
วัคซีนเริ่มมีการพัฒนาในราวคริสต์ทศวรรษ 1770 โดยเอดเวิร์ด เจนเนอร์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ประสบความสำเร็จในการสกัดเชื้อ cowpox เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ (small pox) ในมนุษย์ได้
วัคซีนในระยะเริ่มแรกเป็นการนำเชื้อมาทำให้ตายหรือการใช้เชื้อที่อ่อนฤทธิ์เท่านั้น จนกระทั่งปัจจุบันมีการพัฒนาโดยนำเทคโนโลยีรีคอมบีแนนต์มาช่วยในการพัฒนาโดยอาศัยความรู้ทางชีววิทยาระดับโมเลกุล และมีความพยายามพัฒนาวัคซีนโดยการสังเคราะห์แอนติเจนในการผลิตซับยูนิตวัคซีน (subunit vaccine) อีกด้วย -
: Edward Jenner เป็นผู้คิดค้นวัคซีนแรกสำหรับโรคฝีดาษ (smallpox) โดยการใช้วัคซีนจากฝีดาษวัว (cowpox) เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ ซึ่งเป็นวิธีการที่เริ่มต้นของการฉีดวัคซีนในยุคปัจจุบัน
-
-
-
Charles Darwin เผยแพร่ "On the Origin of Species" ซึ่งแนะนำทฤษฎีวิวัฒนาการโดยการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
-
Friedrich Miescher ค้นพบดีเอ็นเอ
-
-
ปี 1885: Louis Pasteur พัฒนาวัคซีนสำหรับโรคพิษสุนัขบ้า (rabies) วัคซีนนี้เป็นหนึ่งในวัคซีนที่สำคัญสำหรับโรคที่มีความรุนแรงมากและยังช่วยทำให้การศึกษาเกี่ยวกับวัคซีนและจุลชีพมีความก้าวหน้า
-
-
Albert Einstein เผยแพร่ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ
-
: Alfred Wegener เสนอทฤษฎีการเคลื่อนที่ของทวีป (Continental Drift)
-
Niels Bohr พัฒนาโมเดลอะตอมที่สอดคล้องกับข้อมูลจากการทดลอง
-
Albert Einstein นำเสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป
-
การค้นพบของ Niels Bohr เกี่ยวกับโมเดลอะตอม
-
ปี 1921: Albert Calmette และ Camille Guérin พัฒนาวัคซีน BCG (Bacillus Calmette-Guérin) สำหรับป้องกันวัณโรค (tuberculosis) ซึ่งเป็นวัคซีนที่ใช้ในหลายประเทศเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคนี้
-
-
-
Alan Turing เสนอแนวคิดของเครื่องทัวริงซึ่งเป็นพื้นฐานของคอมพิวเตอร์สมัยใหม่
-
การสร้างคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรก ENIAC (Electronic Numerical Integrator and Computer)
-
ช่วงปี 1950s-1980s: Maurice Hilleman เป็นผู้พัฒนาวัคซีนที่สำคัญหลายชนิด รวมถึงวัคซีนสำหรับหัด (measles), คางทูม (mumps), ไข้หวัดใหญ่ (influenza), และโรคไวรัสตับอักเสบ B (hepatitis B) นอกจากนี้ยังมีผลงานในวัคซีนอื่น ๆ ที่ช่วยลดการระบาดของโรคในทั่วโลก
-
-
-
James Watson และ Francis Crick เสนอโมเดลโครงสร้างดีเอ็นเอเป็นดับเบิลเฮลิกซ์
-
Rosalind Franklin และ Maurice Wilkins ถ่ายภาพโครงสร้างดีเอ็นเอด้วยวิธี X-ray diffraction
-
ปี 1955: Jonas Salk พัฒนาวัคซีนสำหรับโรคโปลิโอ (polio) ซึ่งเป็นวัคซีนที่ช่วยลดการระบาดของโรคนี้อย่างมาก วัคซีนของ Salk ใช้ไวรัสที่ตายแล้ว (inactivated virus) เพื่อกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน
-
-
-
การปล่อยดาวเทียม Sputnik 1 โดย Soviet Union
-
การพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับแผ่นเปลือกโลก (Plate Tectonics) โดย Harry Hess และ Robert Dietz
-
การค้นพบรังสีไมโครเวฟพื้นหลังจักรวาลโดย Arno Penzias และ Robert Wilson
-
-
Neil Armstrong และ Buzz Aldrin ลงเหยียบดวงจันทร์ในการเดินทาง Apollo 11
-
การพัฒนาภาษาโปรแกรมระดับสูงเช่น C และ Pascal
-
การค้นพบหลักฐานการชนกันของอุกกาบาตที่เชื่อมโยงกับการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์โดย Luis Alvarez และ Walter Alvarez
-
-
การเปิดตัวเว็บเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW) โดย Tim Berners-Lee
-
การปล่อยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope)
-
-
-
การค้นพบโครงสร้างของ Fullerenes (C60) โดย Harry Kroto, Robert Curl, และ Richard Smalley
-
การประกาศการถอดรหัสจีโนมมนุษย์ (Human Genome Project) เสร็จสิ้น
-
-
-
NASA ประกาศการค้นพบดาวเคราะห์ที่มีลักษณะคล้ายโลกในระบบดาว Trappist-1
-
-
-
ปี 2020: Katalin Karikó และ Drew Weissman พัฒนาพื้นฐานของเทคโนโลยี mRNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในวัคซีน COVID-19 ของ Pfizer-BioNTech และ Moderna เทคโนโลยี mRNA เป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในการพัฒนาวัคซีน
-