-
ระบบการเขียนคูเนฟอร์มเริ่มพัฒนาในช่วงประมาณ 3200 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BC) และเริ่มลดความสำคัญลงในช่วงประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 1 (AD)
-
ระบบการเขียนคูเนฟอร์มเริ่มพัฒนาในช่วงประมาณ 3200 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BC) และการใช้ระบบนี้เริ่มลดลงและสิ้นสุดในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 (AD)
เริ่มต้น: ประมาณ 3200 ปีก่อนคริสต์ศักราช (3200 BC)
สิ้นสุด: ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 1 (AD) -
การพัฒนาของอักษรเฮียโรกลิฟิกส์ในอียิปต์โบราณเริ่มต้นประมาณปี 3000 ปีก่อนคริสต์ศักราช (3000 BCE) และมีการใช้จนกระทั่งประมาณปี 400 คริสต์ศักราช (400 CE)
-
การพัฒนาของอักษรเฮียโรกลิฟิกส์ในอียิปต์โบราณเริ่มต้นประมาณปี 3000 ปีก่อนคริสต์ศักราช (3000 BCE) และมีการใช้จนกระทั่งประมาณปี 400 คริสต์ศักราช (400 CE)
-
การพัฒนาเทคโนโลยีการเขียนด้วยจอสัมผัสเริ่มต้นในปี 2020 AD และยังคงพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
รายละเอียดสำคัญ:
เทคโนโลยีจอสัมผัสได้รับการปรับปรุงเพื่อรองรับการเขียนและการวาดที่แม่นยำยิ่งขึ้น
มีการพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ เช่น แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ทำให้การสร้างและแก้ไขเอกสารเป็นเรื่องง่าย
แอปพลิเคชันที่สนับสนุนการเขียนด้วยจอสัมผัส เช่น แอปวาดภาพและโปรแกรมประมวลผลคำ ได้รับความนิยมมากขึ้น -
การพัฒนาเทคโนโลยีการเขียนด้วยจอสัมผัสเริ่มต้นในปี 2020 AD และยังคงพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
รายละเอียดสำคัญ:
เทคโนโลยีจอสัมผัสได้รับการปรับปรุงเพื่อรองรับการเขียนและการวาดที่แม่นยำยิ่งขึ้น
มีการพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ เช่น แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ทำให้การสร้างและแก้ไขเอกสารเป็นเรื่องง่าย
แอปพลิเคชันที่สนับสนุนการเขียนด้วยจอสัมผัส เช่น แอปวาดภาพและโปรแกรมประมวลผลคำ ได้รับความนิยมมากขึ้น -
การใช้ระบบการพิมพ์ด้วยหมึกอิเล็กทรอนิกส์เริ่มต้นในปี 2010 AD และยังคงพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
รายละเอียดสำคัญ:
ระบบการพิมพ์ด้วยหมึกอิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้การพิมพ์มีความยืดหยุ่นและประหยัดพลังงาน
เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การผลิตบรรจุภัณฑ์, ป้ายโฆษณา, และสิ่งพิมพ์เชิงพาณิชย์
มีการพัฒนาเครื่องพิมพ์ที่สามารถพิมพ์ภาพกราฟิกคุณภาพสูงด้วยหมึกอิเล็กทรอนิกส์ -
การใช้ระบบการพิมพ์ด้วยหมึกอิเล็กทรอนิกส์เริ่มต้นในปี 2010 AD และยังคงพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
รายละเอียดสำคัญ:
ระบบการพิมพ์ด้วยหมึกอิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้การพิมพ์มีความยืดหยุ่นและประหยัดพลังงาน
เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การผลิตบรรจุภัณฑ์, ป้ายโฆษณา, และสิ่งพิมพ์เชิงพาณิชย์
มีการพัฒนาเครื่องพิมพ์ที่สามารถพิมพ์ภาพกราฟิกคุณภาพสูงด้วยหมึกอิเล็กทรอนิกส์ -
ระบบอักษรฟินิเซียนเริ่มต้นประมาณปี 2000 ปีก่อนคริสต์ศักราช (2000 BCE) และยังคงใช้ต่อเนื่องจนกระทั่งระบบนี้ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยระบบการเขียนอื่นๆ เช่น ระบบอักษรกรีกในช่วงประมาณปี 1000 ปีก่อนคริสต์ศักราช (1000 BCE)
-
การพัฒนาของการพิมพ์ 3D เริ่มต้นในปี 2000 AD และยังคงพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
รายละเอียดสำคัญ:
เทคโนโลยีการพิมพ์ 3D เริ่มได้รับความสนใจในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิต, การแพทย์, และการออกแบบ
โปรแกรม CAD (Computer-Aided Design) ถูกใช้เพื่อสร้างแบบจำลอง 3D ที่สามารถพิมพ์ได้
มีการพัฒนาเครื่องพิมพ์ 3D ที่สามารถใช้วัสดุหลากหลาย เช่น พลาสติก, โลหะ, และวัสดุชีวภาพ -
ระบบอักษรฟินิเซียนเริ่มต้นประมาณปี 2000 ปีก่อนคริสต์ศักราช (2000 BCE) และยังคงใช้ต่อเนื่องจนกระทั่งระบบนี้ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยระบบการเขียนอื่นๆ เช่น ระบบอักษรกรีกในช่วงประมาณปี 1000 ปีก่อนคริสต์ศักราช (1000 BCE)
-
การพัฒนาของการพิมพ์ 3D เริ่มต้นในปี 2000 AD และยังคงพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
รายละเอียดสำคัญ:
เทคโนโลยีการพิมพ์ 3D เริ่มได้รับความสนใจในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิต, การแพทย์, และการออกแบบ
โปรแกรม CAD (Computer-Aided Design) ถูกใช้เพื่อสร้างแบบจำลอง 3D ที่สามารถพิมพ์ได้
มีการพัฒนาเครื่องพิมพ์ 3D ที่สามารถใช้วัสดุหลากหลาย เช่น พลาสติก, โลหะ, และวัสดุชีวภาพ -
การใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ด้วยเลเซอร์เริ่มต้นในปี 1990 AD และยังคงพัฒนาต่อเนื่องไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 20
รายละเอียดสำคัญ:
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ได้รับความนิยมในสำนักงาน เนื่องจากสามารถพิมพ์เอกสารจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพสูง
เทคโนโลยีนี้ทำให้การพิมพ์สีเริ่มเป็นที่นิยมขึ้น โดยมีเครื่องพิมพ์เลเซอร์สีเข้ามาในตลาด
โปรแกรมประมวลผลคำและซอฟต์แวร์กราฟิกได้รับการปรับปรุงให้สามารถทำงานร่วมกับการพิมพ์เลเซอร์ได้ดียิ่งขึ้น -
การใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ด้วยเลเซอร์เริ่มต้นในปี 1990 AD และยังคงพัฒนาต่อเนื่องไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 20
รายละเอียดสำคัญ:
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ได้รับความนิยมในสำนักงาน เนื่องจากสามารถพิมพ์เอกสารจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพสูง
เทคโนโลยีนี้ทำให้การพิมพ์สีเริ่มเป็นที่นิยมขึ้น โดยมีเครื่องพิมพ์เลเซอร์สีเข้ามาในตลาด
โปรแกรมประมวลผลคำและซอฟต์แวร์กราฟิกได้รับการปรับปรุงให้สามารถทำงานร่วมกับการพิมพ์เลเซอร์ได้ดียิ่งขึ้น -
การพัฒนาของการพิมพ์ดิจิทัลเริ่มขึ้นในปี 1980 AD โดยมีการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถพิมพ์เอกสารจากคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพสูงขึ้น มีการเปิดตัวเครื่องพิมพ์เลเซอร์รุ่นแรก ซึ่งทำให้การพิมพ์มีความละเอียดและความเร็วที่เหนือกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมกราฟิกและการออกแบบที่ช่วยให้การพิมพ์มีความหลากหลายมากขึ้น
-
การพัฒนาของการพิมพ์ดิจิทัลเริ่มขึ้นในปี 1980 AD โดยมีการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถพิมพ์เอกสารจากคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพสูงขึ้น มีการเปิดตัวเครื่องพิมพ์เลเซอร์รุ่นแรก ซึ่งทำให้การพิมพ์มีความละเอียดและความเร็วที่เหนือกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมกราฟิกและการออกแบบที่ช่วยให้การพิมพ์มีความหลากหลายมากขึ้น
-
การใช้คอมพิวเตอร์ในการพิมพ์เริ่มขึ้นประมาณปี 1970 AD เมื่อคอมพิวเตอร์เริ่มเข้ามามีบทบาทในสำนักงาน โดยเฉพาะการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer) เพื่อพิมพ์เอกสาร มีการพัฒนาโปรแกรมประมวลผลคำ (Word Processing Software) เช่น WordStar และ Microsoft Word ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดรูปแบบข้อความและพิมพ์เอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นการพัฒนานี้ดำเนินต่อเนื่องจนถึงประมาณปี 1980 AD
-
การใช้คอมพิวเตอร์ในการพิมพ์เริ่มขึ้นประมาณปี 1970 AD เมื่อคอมพิวเตอร์เริ่มเข้ามามีบทบาทในสำนักงาน โดยเฉพาะการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer) เพื่อพิมพ์เอกสาร มีการพัฒนาโปรแกรมประมวลผลคำ (Word Processing Software) เช่น WordStar และ Microsoft Word ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดรูปแบบข้อความและพิมพ์เอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นการพัฒนานี้ดำเนินต่อเนื่องจนถึงประมาณปี 1980 AD
-
การพัฒนาของเครื่องพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิกส์เริ่มต้นในช่วงปี 1960 โดยมีการนำเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์มาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพในการพิมพ์ เครื่องพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิกส์รุ่นแรกๆ มีการใช้วงจรไฟฟ้าแทนการใช้กลไกทางกลแบบดั้งเดิม ทำให้สามารถพิมพ์ได้เร็วและเงียบกว่าช่วงเวลาสำคัญในปี 1961 บริษัท IBM ได้เปิดตัว IBM Selectric ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและมีการพัฒนาต่อเนื่องในช่วงปี 1960 ถึงต้นปี 1970
-
การพัฒนาของเครื่องพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิกส์เริ่มต้นในช่วงปี 1960 โดยมีการนำเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์มาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพในการพิมพ์ เครื่องพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิกส์รุ่นแรกๆ มีการใช้วงจรไฟฟ้าแทนการใช้กลไกทางกลแบบดั้งเดิม ทำให้สามารถพิมพ์ได้เร็วและเงียบกว่าช่วงเวลาสำคัญในปี 1961 บริษัท IBM ได้เปิดตัว IBM Selectric ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและมีการพัฒนาต่อเนื่องในช่วงปี 1960 ถึงต้นปี 1970
-
การพัฒนาของพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิกส์เริ่มต้นในช่วง ปี 1950 AD ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยในการพิมพ์ โดยพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเพิ่มความสะดวกและความเร็วในการพิมพ์ รวมถึงฟังก์ชันการแก้ไขที่ง่ายขึ้น เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอุตสาหกรรมการพิมพ์
-
การพัฒนาของพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิกส์เริ่มต้นในช่วง ปี 1950 AD ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยในการพิมพ์ โดยพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเพิ่มความสะดวกและความเร็วในการพิมพ์ รวมถึงฟังก์ชันการแก้ไขที่ง่ายขึ้น เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอุตสาหกรรมการพิมพ์
-
การพัฒนาของการเขียนด้วยคอมพิวเตอร์ในช่วง ปี 1930 AD เป็นช่วงที่เริ่มมีการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในกระบวนการสร้างเอกสารและการพิมพ์ แม้ว่ายังไม่มีคอมพิวเตอร์ในรูปแบบที่เรารู้จักในปัจจุบัน แต่มีการพัฒนาระบบการเขียนอัตโนมัติและการใช้เครื่องจักรในการผลิตเอกสาร ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีการเขียน
-
การพัฒนาของการเขียนด้วยคอมพิวเตอร์ในช่วง ปี 1930 AD เป็นช่วงที่เริ่มมีการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในกระบวนการสร้างเอกสารและการพิมพ์ แม้ว่ายังไม่มีคอมพิวเตอร์ในรูปแบบที่เรารู้จักในปัจจุบัน แต่มีการพัฒนาระบบการเขียนอัตโนมัติและการใช้เครื่องจักรในการผลิตเอกสาร ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีการเขียน
-
การเริ่มต้นใช้คอมพิวเตอร์สำหรับการพิมพ์ในช่วง ปี 1920 AD เริ่มมีการพัฒนาโปรแกรมและเทคโนโลยีที่ช่วยในการพิมพ์อัตโนมัติ แม้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะยังไม่แพร่หลาย แต่การใช้ระบบไฟฟ้าและเครื่องจักรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการพิมพ์และการผลิตเอกสาร
-
การเริ่มต้นใช้คอมพิวเตอร์สำหรับการพิมพ์ในช่วง ปี 1920 AD เริ่มมีการพัฒนาโปรแกรมและเทคโนโลยีที่ช่วยในการพิมพ์อัตโนมัติ แม้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะยังไม่แพร่หลาย แต่การใช้ระบบไฟฟ้าและเครื่องจักรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการพิมพ์และการผลิตเอกสาร
-
การพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ในช่วง ปี 1900 AD เป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมีการนำเครื่องพิมพ์ที่ทันสมัยเข้ามาใช้ เช่น เครื่องพิมพ์อักษรแบบอัตโนมัติและการพิมพ์แบบออฟเซ็ท ซึ่งช่วยเพิ่มความรวดเร็วและคุณภาพในการผลิตงานพิมพ์ เทคโนโลยีเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการพิมพ์และการเผยแพร่ข้อมูล
-
การพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ในช่วง ปี 1900 AD เป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมีการนำเครื่องพิมพ์ที่ทันสมัยเข้ามาใช้ เช่น เครื่องพิมพ์อักษรแบบอัตโนมัติและการพิมพ์แบบออฟเซ็ท ซึ่งช่วยเพิ่มความรวดเร็วและคุณภาพในการผลิตงานพิมพ์ เทคโนโลยีเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการพิมพ์และการเผยแพร่ข้อมูล
-
การพิมพ์ในรูปแบบที่ใช้ในวรรณกรรมเริ่มมีความสำคัญในช่วง ปี 1880 AD โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทำให้การผลิตหนังสือและวรรณกรรมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การใช้เครื่องพิมพ์ที่สามารถพิมพ์ได้รวดเร็วและมีคุณภาพดี นอกจากนี้ยังมีการสร้างฟอนต์และการออกแบบหน้าต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการอ่าน
-
การพิมพ์ในรูปแบบที่ใช้ในวรรณกรรมเริ่มมีความสำคัญในช่วง ปี 1880 AD โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทำให้การผลิตหนังสือและวรรณกรรมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การใช้เครื่องพิมพ์ที่สามารถพิมพ์ได้รวดเร็วและมีคุณภาพดี นอกจากนี้ยังมีการสร้างฟอนต์และการออกแบบหน้าต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการอ่าน
-
การพัฒนาของเครื่องพิมพ์อักษรเริ่มมีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วง ปี 1850 AD โดยมีการประดิษฐ์เครื่องพิมพ์แบบใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการพิมพ์ เช่น เครื่องพิมพ์แบบกลไกที่ใช้แรงดัน ซึ่งทำให้การผลิตงานพิมพ์รวดเร็วและมีคุณภาพสูงขึ้น เทคโนโลยีนี้มีบทบาทสำคัญในการแพร่กระจายข้อมูลและการสื่อสารในยุควิกฤต
-
การพัฒนาของเครื่องพิมพ์อักษรเริ่มมีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วง ปี 1850 AD โดยมีการประดิษฐ์เครื่องพิมพ์แบบใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการพิมพ์ เช่น เครื่องพิมพ์แบบกลไกที่ใช้แรงดัน ซึ่งทำให้การผลิตงานพิมพ์รวดเร็วและมีคุณภาพสูงขึ้น เทคโนโลยีนี้มีบทบาทสำคัญในการแพร่กระจายข้อมูลและการสื่อสารในยุควิกฤต
-
การพิมพ์โลหะเริ่มมีความสำคัญในช่วง ปี 1830 AD โดยการพิมพ์โลหะใช้การพิมพ์แบบบล็อกโลหะที่มีตัวอักษรหล่อเป็นส่วนใหญ่ เทคนิคนี้ช่วยให้การผลิตงานพิมพ์มีความรวดเร็วและมีคุณภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการแพร่กระจายของข้อมูลและวรรณกรรมในยุคนั้น
-
การพัฒนาตัวอักษรที่ใช้ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์เริ่มต้นในช่วง ปี 1800 AD โดยมีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการพิมพ์และการสร้างตัวอักษรในระบบดิจิทัล การพัฒนาเริ่มต้นขึ้นจากการออกแบบอักษรสำหรับเครื่องพิมพ์และต่อมาได้พัฒนาไปสู่การสร้างฟอนต์ในคอมพิวเตอร์
-
การพัฒนาตัวอักษรที่ใช้ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์เริ่มต้นในช่วง ปี 1800 AD โดยมีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการพิมพ์และการสร้างตัวอักษรในระบบดิจิทัล การพัฒนาเริ่มต้นขึ้นจากการออกแบบอักษรสำหรับเครื่องพิมพ์และต่อมาได้พัฒนาไปสู่การสร้างฟอนต์ในคอมพิวเตอร์
-
การพัฒนาการพิมพ์แบบอักษรคอร์น (Cornelia type) เริ่มต้นประมาณ ปี 1700 AD ในยุคบาโรก โดยอักษรคอร์นมีลักษณะการออกแบบที่หรูหราและซับซ้อน เหมาะสำหรับการใช้งานในงานพิมพ์ที่ต้องการความโดดเด่นและความสง่างาม
การพัฒนานี้มีอิทธิพลต่อการออกแบบตัวอักษรในยุคนั้นและต่อเนื่องไปยังการพิมพ์ในยุคถัดไป แต่การใช้แบบอักษรคอร์นไม่ได้มีการกำหนดปีสิ้นสุดที่ชัดเจน เนื่องจากมีการนำไปใช้ต่อเนื่องในงานต่างๆ -
การพัฒนาการพิมพ์แบบอักษรคอร์น (Cornelia type) เริ่มต้นประมาณ ปี 1700 AD ในยุคบาโรก โดยอักษรคอร์นมีลักษณะการออกแบบที่หรูหราและซับซ้อน เหมาะสำหรับการใช้งานในงานพิมพ์ที่ต้องการความโดดเด่นและความสง่างาม
การพัฒนานี้มีอิทธิพลต่อการออกแบบตัวอักษรในยุคนั้นและต่อเนื่องไปยังการพิมพ์ในยุคถัดไป แต่การใช้แบบอักษรคอร์นไม่ได้มีการกำหนดปีสิ้นสุดที่ชัดเจน เนื่องจากมีการนำไปใช้ต่อเนื่องในงานต่างๆ -
การพัฒนาของอักษรฟินิเซียนเริ่มต้นประมาณปี 1500 ปีก่อนคริสต์ศักราช (1500 BCE) และการใช้ระบบนี้เริ่มลดลงหลังจากช่วงประมาณปี 1000 ปีก่อนคริสต์ศักราช (1000 BCE) เมื่อระบบอักษรกรีกเริ่มได้รับความนิยมและแทนที่
-
การพิมพ์หนังสือการ์ตูนเริ่มมีขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1500 ซึ่งเป็นช่วงที่การพิมพ์เริ่มแพร่หลายและมีการสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ ๆ ของวรรณกรรม รวมถึงการ์ตูนที่ใช้ภาพและข้อความในการเล่าเรื่อง หนังสือการ์ตูนยุคแรกมักใช้การพิมพ์แบบบล็อกไม้และการพิมพ์โลหะ
-
การพัฒนาของอักษรฟินิเซียนเริ่มต้นประมาณปี 1500 ปีก่อนคริสต์ศักราช (1500 BCE) และการใช้ระบบนี้เริ่มลดลงหลังจากช่วงประมาณปี 1000 ปีก่อนคริสต์ศักราช (1000 BCE) เมื่อระบบอักษรกรีกเริ่มได้รับความนิยมและแทนที่
-
การพิมพ์หนังสือการ์ตูนเริ่มมีขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1500 ซึ่งเป็นช่วงที่การพิมพ์เริ่มแพร่หลายและมีการสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ ๆ ของวรรณกรรม รวมถึงการ์ตูนที่ใช้ภาพและข้อความในการเล่าเรื่อง หนังสือการ์ตูนยุคแรกมักใช้การพิมพ์แบบบล็อกไม้และการพิมพ์โลหะ
-
โยฮันน์ โคเปอร์นิคัส (Johannes Copernicus) ไม่ได้พัฒนาเครื่องพิมพ์ แต่เขาเป็นนักดาราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในช่วงศตวรรษที่ 15 โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1543 ที่เขาได้ตีพิมพ์ผลงาน "De revolutionibus orbium coelestium" ซึ่งเสนอแนวคิดเกี่ยวกับระบบสุริยะที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง
-
โยฮันน์ โคเปอร์นิคัส (Johannes Copernicus) ไม่ได้พัฒนาเครื่องพิมพ์ แต่เขาเป็นนักดาราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในช่วงศตวรรษที่ 15 โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1543 ที่เขาได้ตีพิมพ์ผลงาน "De revolutionibus orbium coelestium" ซึ่งเสนอแนวคิดเกี่ยวกับระบบสุริยะที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง
-
ในปี ค.ศ. 1400 การพิมพ์หนังสือเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในยุโรป โดยเฉพาะการใช้การพิมพ์ตัวอักษรแบบบล็อกและเครื่องพิมพ์ไม้ ก่อนที่จะมีการพัฒนาที่สำคัญขึ้นในปี 1440 เมื่อโยฮันน์ กูเทนเบิร์ก (Johannes Gutenberg) ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ที่ใช้ตัวพิมพ์โลหะ ซึ่งทำให้การผลิตหนังสือสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
-
การพัฒนาอักษรแบบโมโนแกรม (Monogram) ในปี ค.ศ. 1600 เกิดขึ้นในช่วงที่การออกแบบตัวอักษรเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น โดยโมโนแกรมเป็นการรวมตัวอักษรหลายตัวเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสัญลักษณ์หรือโลโก้ ซึ่งมักใช้ในการทำตราสัญลักษณ์หรือการตกแต่งในเอกสารและวรรณกรรม
-
ในปี ค.ศ. 1400 การพิมพ์หนังสือเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในยุโรป โดยเฉพาะการใช้การพิมพ์ตัวอักษรแบบบล็อกและเครื่องพิมพ์ไม้ ก่อนที่จะมีการพัฒนาที่สำคัญขึ้นในปี 1440 เมื่อโยฮันน์ กูเทนเบิร์ก (Johannes Gutenberg) ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ที่ใช้ตัวพิมพ์โลหะ ซึ่งทำให้การผลิตหนังสือสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
-
การพัฒนาอักษรแบบโมโนแกรม (Monogram) ในปี ค.ศ. 1600 เกิดขึ้นในช่วงที่การออกแบบตัวอักษรเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น โดยโมโนแกรมเป็นการรวมตัวอักษรหลายตัวเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสัญลักษณ์หรือโลโก้ ซึ่งมักใช้ในการทำตราสัญลักษณ์หรือการตกแต่งในเอกสารและวรรณกรรม
-
การพัฒนาอักษร: ในช่วงเวลานี้ ภาษาอังกฤษใช้ตัวอักษรละตินเป็นหลักซึ่งได้รับอิทธิพลจากการใช้ตัวอักษรของชาวนอร์แมนและชนชั้นสูงหลังการพิชิตอังกฤษในปี 1066 CE ตัวอักษรละตินที่ใช้ในช่วงนี้มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยและเริ่มมีลักษณะคล้ายกับตัวอักษรที่ใช้ในภาษาอังกฤษสมัยใหม่
-
การพัฒนาอักษร: ในช่วงเวลานี้ ภาษาอังกฤษใช้ตัวอักษรละตินเป็นหลักซึ่งได้รับอิทธิพลจากการใช้ตัวอักษรของชาวนอร์แมนและชนชั้นสูงหลังการพิชิตอังกฤษในปี 1066 CE ตัวอักษรละตินที่ใช้ในช่วงนี้มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยและเริ่มมีลักษณะคล้ายกับตัวอักษรที่ใช้ในภาษาอังกฤษสมัยใหม่
-
การใช้ตัวอักษรในภาษาสเปนในช่วงยุคกลางประมาณ ค.ศ. 1200 จะอยู่ในช่วงของศตวรรษที่ 12 ถึงต้นศตวรรษที่ 13 ซึ่งการพัฒนาตัวอักษรละตินในภาษาสเปนยังคงดำเนินไปจนถึงต้นศตวรรษที่ 13 ค.ศ. 1200 จึงอยู่ในช่วงเวลาแห่งการพัฒนาและกำหนดรูปแบบการเขียนในภาษาสเปนที่เรารู้จักในปัจจุบัน
-
การใช้ตัวอักษรในภาษาสเปนในช่วงยุคกลางประมาณ ค.ศ. 1200 จะอยู่ในช่วงของศตวรรษที่ 12 ถึงต้นศตวรรษที่ 13 ซึ่งการพัฒนาตัวอักษรละตินในภาษาสเปนยังคงดำเนินไปจนถึงต้นศตวรรษที่ 13 ค.ศ. 1200 จึงอยู่ในช่วงเวลาแห่งการพัฒนาและกำหนดรูปแบบการเขียนในภาษาสเปนที่เรารู้จักในปัจจุบัน
-
การเผยแพร่ตัวอักษรที่ใช้ในภาษาฝรั่งเศสเริ่มต้นประมาณปี 1100 คริสต์ศักราช (1100 CE) เมื่อระบบการเขียนตัวอักษรละตินเริ่มใช้ในเอกสารทางการและวรรณกรรมในฝรั่งเศส หลังจากที่ภาษาฝรั่งเศสเริ่มพัฒนามาจากภาษาละตินโบราณ
-
การเผยแพร่ตัวอักษรที่ใช้ในภาษาฝรั่งเศสเริ่มต้นประมาณปี 1100 คริสต์ศักราช (1100 CE) เมื่อระบบการเขียนตัวอักษรละตินเริ่มใช้ในเอกสารทางการและวรรณกรรมในฝรั่งเศส หลังจากที่ภาษาฝรั่งเศสเริ่มพัฒนามาจากภาษาละตินโบราณ
-
การพัฒนาอักษร: ในช่วงเวลานี้ ภาษาอังกฤษใช้ตัวอักษรละตินเป็นหลักซึ่งได้รับอิทธิพลจากการใช้ตัวอักษรของชาวนอร์แมนและชนชั้นสูงหลังการพิชิตอังกฤษในปี 1066 CE ตัวอักษรละตินที่ใช้ในช่วงนี้มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยและเริ่มมีลักษณะคล้ายกับตัวอักษรที่ใช้ในภาษาอังกฤษสมัยใหม่
-
การพัฒนาของอักษรกรีกเริ่มต้นประมาณปี 1000 ปีก่อนคริสต์ศักราช (1000 BCE) และยังคงใช้อย่างต่อเนื่องในรูปแบบต่าง ๆ จนถึงปัจจุบัน โดยมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาต่อเนื่องตามยุคสมัย
-
ของอักษรกรีกเริ่มต้นประมาณปี 1000 ปีก่อนคริสต์ศักราช (1000 BCE) และยังคงใช้อย่างต่อเนื่องในรูปแบบต่าง ๆ จนถึงปัจจุบัน โดยมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาต่อเนื่องตามยุคสมัย
-
การใช้ตัวอักษรของชนเผ่าฮังการี (ที่เรียกว่า "Runic script") เริ่มต้นประมาณปี 900 คริสต์ศักราช (900 CE) และระบบการเขียนนี้ถูกใช้จนถึงประมาณปี 1000 คริสต์ศักราช (1000 CE) เมื่ออักษรละตินเริ่มเข้ามาแทนที่
-
การใช้ตัวอักษรของชนเผ่าฮังการี (ที่เรียกว่า "Runic script") เริ่มต้นประมาณปี 900 คริสต์ศักราช (900 CE) และระบบการเขียนนี้ถูกใช้จนถึงประมาณปี 1000 คริสต์ศักราช (1000 CE) เมื่ออักษรละตินเริ่มเข้ามาแทนที่
-
การพัฒนาของอักษรเซริลลิกในจักรวรรดิไบเซนไทน์เริ่มต้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 โดยพี่น้องเซนต์คีรีลล์ (Saint Cyril) และเซนต์เมธอดิอุส (Saint Methodius) ซึ่งเริ่มประมาณปี 855-860 CE และไม่เกี่ยวข้องกับปี 300 BC
-
การพัฒนาของอักษรเซริลลิกในจักรวรรดิไบเซนไทน์เริ่มต้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 โดยพี่น้องเซนต์คีรีลล์ (Saint Cyril) และเซนต์เมธอดิอุส (Saint Methodius) ซึ่งเริ่มประมาณปี 855-860 CE และไม่เกี่ยวข้องกับปี 300 BC
-
การใช้ระบบการเขียนของชาวกรีกในกรีซเริ่มต้นประมาณปี 800 ปีก่อนคริสต์ศักราช (800 BCE) และยังคงใช้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
-
การพัฒนาอักษรคีลท์ (Celtic) เริ่มต้นประมาณปี 800 คริสต์ศักราช (800 CE) โดยเฉพาะการใช้ "Ogham" ซึ่งเป็นระบบการเขียนของชาวเคลติกในยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ
-
การใช้ระบบการเขียนของชาวกรีกในกรีซเริ่มต้นประมาณปี 800 ปีก่อนคริสต์ศักราช (800 BCE) และยังคงใช้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
-
การพัฒนาอักษรคีลท์ (Celtic) เริ่มต้นประมาณปี 800 คริสต์ศักราช (800 CE) โดยเฉพาะการใช้ "Ogham" ซึ่งเป็นระบบการเขียนของชาวเคลติกในยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ
-
การพัฒนาอักษรคันจิในญี่ปุ่นเริ่มต้นประมาณปี 600 คริสต์ศักราช (600 CE) เมื่อการเขียนจากจีนถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่น และอักษรคันจิได้รับการใช้และพัฒนาในช่วงเวลาต่อมา
-
การพัฒนาอักษรคันจิในญี่ปุ่นเริ่มต้นประมาณปี 600 คริสต์ศักราช (600 CE) เมื่อการเขียนจากจีนถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่น และอักษรคันจิได้รับการใช้และพัฒนาในช่วงเวลาต่อมา
-
การพัฒนาอักษรละตินในกรุงโรมเริ่มต้นประมาณปี 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช (500 BCE) และยังคงใช้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
-
การใช้ตัวอักษรในงานเขียนของชาวยุโรปในยุคกลางเริ่มต้นประมาณปี 500 คริสต์ศักราช (500 CE) และมีการใช้ต่อเนื่องในรูปแบบต่างๆ จนถึงช่วงต้นยุคเรอเนซองส์ ซึ่งประมาณปี 1500 คริสต์ศักราช (1500 CE)
-
การพัฒนาอักษรละตินในกรุงโรมเริ่มต้นประมาณปี 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช (500 BCE) และยังคงใช้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
-
การใช้ตัวอักษรในงานเขียนของชาวยุโรปในยุคกลางเริ่มต้นประมาณปี 500 คริสต์ศักราช (500 CE) และมีการใช้ต่อเนื่องในรูปแบบต่างๆ จนถึงช่วงต้นยุคเรอเนซองส์ ซึ่งประมาณปี 1500 คริสต์ศักราช (1500 CE)
-
การพัฒนาของอักษรละตินเริ่มต้นในช่วงประมาณปี 300 ก่อนคริสต์ศักราช (300 BC) และได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 300 คริสต์ศักราช (300 CE) โดยในช่วงนี้อักษรละตินได้กลายเป็นระบบการเขียนหลักในจักรวรรดิโรมัน
-
การพัฒนาของอักษรละตินเริ่มต้นในช่วงประมาณปี 300 ก่อนคริสต์ศักราช (300 BC) และได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 300 คริสต์ศักราช (300 CE) โดยในช่วงนี้อักษรละตินได้กลายเป็นระบบการเขียนหลักในจักรวรรดิโรมัน
-
การสร้างระบบอักษรของชาวนอร์ส หรือที่รู้จักกันในชื่อ "อักษรรูนิก" (Runic alphabet) เริ่มต้นประมาณปี 200 คริสต์ศักราช (200 CE) และยังคงใช้ต่อเนื่องจนถึงประมาณปี 1100 คริสต์ศักราช (1100 CE)
-
การสร้างระบบอักษรของชาวนอร์ส หรือที่รู้จักกันในชื่อ "อักษรรูนิก" (Runic alphabet) เริ่มต้นประมาณปี 200 คริสต์ศักราช (200 CE) และยังคงใช้ต่อเนื่องจนถึงประมาณปี 1100 คริสต์ศักราช (1100 CE)
-
การพัฒนาอักษร: ในช่วงเวลานี้ ภาษาอังกฤษใช้ตัวอักษรละตินเป็นหลักซึ่งได้รับอิทธิพลจากการใช้ตัวอักษรของชาวนอร์แมนและชนชั้นสูงหลังการพิชิตอังกฤษในปี 1066 CE ตัวอักษรละตินที่ใช้ในช่วงนี้มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยและเริ่มมีลักษณะคล้ายกับตัวอักษรที่ใช้ในภาษาอังกฤษสมัยใหม่